SLider section

อาหาร 4 ภาค

อาหารภาคอีสาน

ซุปมะเขือเปราะ

ความเป็นมา คำว่าซุปเป็นภาษาอีสานแปลว่า ยำ ซุปมะเขือเปราะจึงเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า ยำมะเขือเปราะ เป็นอาหารที่นำเอาพื้นผักใกล้ตัวมาปรุงรสชาติให้น่าทานมากยิ่งขึ้น   คุณค่าทางโภชนาการ มะเขือเปราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้มะเขือเปราะมีประโยชน์ต่อตับอ่อน เพราะทำให้ตับแข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ   ส่วนผสม มะเขือเปราะ                      300    กรัม หมูสับ                               100    กรัม น้ำปลาร้า                           1        ช้อนโต๊ะ พริกชี้ฟ้าคั่ว                        20      กรัม กระเทียมคั่ว                       40      กรัม หอมแดงคั่ว                        30      กรัม กะปิ                                     1        ช้อนชา ต้นหอมซอย                       5        กรัม ผักชีซอย                            10      กรัม ใบสะระแหน่ สำหรับโรยหน้า วิธีทำ ต้มมะเขือเปราะจนสุกแล้วตักขึ้นมาพักไว้ให้เย็น จากนั้นนำหมูสับไปรวนจนสุกพักไว้คั่วพริก กระเทียม หอมแดง ให้สุก จากนั้นนำมาโขลกให้ละเอียด ใส่กะปิโขลกให้เข้ากันใส่มะเขือเปราะลงไปโขลกให้พอละเอียดและเข้ากับเครื่องปรุง ใส่หมูสับ คลุกเคล้าให้เข้ากันปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า ใส่ต้นหอม ผักชี จัดลงจานโรยหน้าด้วยใบสะระแหน่    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ซุปขนุน

ความเป็นมา ขนุนเมื่อสุกแล้วจัดเป็นผลไม้รสหวาน ใช้ใส่ในขนมไทยหลากหลายประเภทแต่ขนุนอ่อนนั้นจัดเป็นผักเครื่องเคียงชนิดหนึ่ง นิยมนำมาลวกกินกับน้ำพริก ชาวอีสานนำมาดัดแปลงให้กลายเป็นยำเพื่อเพิ่มรสชาติให้ถูกปากมากยิ่งขึ้น   คุณค่าทางโภชนาการ ขนุนอ่อน เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีเมื่อนำมาปรุงเป็นตำขนุน ทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากพลังงาน โปรตีน ไขมัน กากใยอาหาร แคลเซียม โซเดียม โพแทสเซียม อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังให้สารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงอีกด้วย   ส่วนผสม ขนุนอ่อน                      300    กรัม ข้าวคั่ว                         3        ช้อนโต๊ะ พริกป่น                        3        ช้อนโต๊ะ น้ำปลาร้า                     3        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                         3        ช้อนโต๊ะ ต้นหอมหั่น                    2        ช้อนโต๊ะ ใบสะระแหน่                  10      กรัม งาคั่ว                             ½       ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ นำขนุนอ่อนไปต้มจนสุกนุ่ม ตัดส่วนไส้กลางออกนำไปโขลกให้ละเอียด เติมข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลาร้า โขลกพอเข้ากันชิมรส ให้มีรสเค็มมันนำตักใส่ภาชนะ โรยหน้าด้วยต้นหอม ใบสะระแหน่ งาคั่ว จัดเสิร์ฟพร้อมผักสด    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

แจ่วฮ้อน

  ความเป็นมา แจ่วฮ้อน หรือสุกี้อีสาน มีวิธีทำเหมือนกับสุกี้ของภาคกลาง แต่จะใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นเพื่อรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บตามสไตล์ของคนอีสาน   คุณค่าทางโภชนาการ แจ่วฮ้อนมีส่วนผสมที่มีประโยชน์ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ที่ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม บำรุงร่างกาย และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี   ส่วนผสม เนื้อสัตว์ตามชอบ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้ง ปลาหมึก น้ำซุปกระดูกหมู              1        ถ้วยตวง ข่าซอยละเอียด               15      กรัม ตะไคร้หั่นท่อน                30      กรัม รากผักชีทุบ                     10      กรัม ใบมะกรูด                          3        ใบ เกลือป่น                             1        ช้อนชา ใบผักชีฝรั่งซอย                15      กรัม ต้นหอมหั่น                       20      กรัม ใบโหระพา น้ำปลา น้ำตาลทราย ส่วนผสมน้ำจิ้มแจ่ว พริกป่น                        1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                         2        ช้อนโต๊ะ ข้าวคั่ว                           2        ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก              2        ช้อนโต๊ะ น้ำตาล                           1        ช้อนชา วิธีทำ ทำน้ำจิ้มแจ่วโดยผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนให้น้ำตาลละลายพักไว้ จากนั้นตั้งน้ำซุปกระดูกหมูบนไฟกลาง ใส่ข่า ตะไคร้ รากผักชี ใบมะกรูด ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำตาลทราย จนน้ำซุปเดือด ใส่เนื้อสัตว์ ต้มจนเนื้อสัตว์สุกดี ใส่ผักชีฝรั่ง และต้นหอม ยกเสิร์ฟร้อนๆ


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ไก่ย่าง

ความเป็นมา ไก่ย่างเป็นอาหารขึ้นชื่อที่ทานคู่กับข้าวเหนียวส้มตำได้เป็นอย่างดี ไก่ย่างในภาคอีสานมีมากมายหลายสูตร ที่ขึ้นชื่อจะมี ไก่ย่างเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่นและ ไก่ย่างวิเชียรบุรีจังหวัดเพชรบูรณ์   คุณค่าทางโภชนาการ ไก่เป็นแหล่งอาหารที่ให้โปรตีนมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย และหาทานได้ง่าย อีกทั้งเครื่องเทศที่นำไปหมักยังมีคุณค่าทางโภชนาการ    เช่น กระเทียม ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย   วิธีทำ ไก่ตัวละ 2 กิโลกรัม              1        ตัว ตะไคร้บด                          30      กรัม กระเทียมบด                       3        ช้อนโต๊ะ รากผักชีบด                        2        ช้อนโต๊ะ พริกไทยดำบด                   1        ช้อนโต๊ะ ใบเตย                               2        ใบ น้ำมันหอย                         2        ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วขาว                            1        ช้อนโต๊ะ หอมแดงบด                      3        ช้อนโต๊ะ นมสด                               ¼       ถ้วยตวง เกลือ                                1        ช้อนชา   วิธีทำ ผ่าไก่ออกเป็น 2 ส่วนตามความยาว หมักไก่ด้วยตะไคร้ กระเทียม รากผักชี พริกไทยดำ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว หอมแดง นมสด และเกลือเข้าด้วยกัน ขยำด้วยใบเตยให้ส่วนผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ 4 – 6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาย่างให้สุก เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

แกงอ่อมเนื้อ

ความเป็นมา แกงอ่อมสามารถหาทานได้ทั้งทางภาคเหนือและภาคอีสาน แต่จะแตกต่างกันตรงที่ แกงอ่อมทางอีสานจะใส่ผักชีลาวเป็นหลัก และพริกแกงจะแตกต่างกันไปตามท้องที่   คุณค่าทางโภชนาการ ผักชีลาวในแกงอ่อมมีคุณค่ามากมาย ทั้งช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆในร่างกาย ช่วยลดคอเรสเตอรอล  ลดกรดไหลย้อน ลดอาการนอนไม่หลับ แถมมีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน   ส่วนผสม เนื้อน่องลายหั่นเป็นชิ้น          200    กรัม ผักชีลาวหั่นหยาบ                 2        ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ                   2        ช้อนโต๊ะ ข่าหั่นแว่น                              15      กรัม คะไคร้หั่นท่อน                         10      กรัม ใบมะกรูด                                 2        ใบ มะเขือเปราะ                             20      กรัม ต้นหอมหั่นหยาบ                      20      กรัม น้ำปลาร้า                                  3        ช้อนโต๊ะ ข้าวคั่ว                                        1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                      1        ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า                                     500    มล. ส่วนผสมพริกแกง พริกขี้หนู                           10      กรัม หอมแดง                            30      กรัม กระเทียม                          10      กรัม   วิธีทำ นำส่วนผสมพริกแกงมาโขลกรวมกันให้ละเอียด จากนั้นต้มน้ำในหม้อจนเดือด ใส่พริกแกงลงไปต้มจนเดือด ใส่เนื้อน่องลาย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ต้มต่อจนเดือดอีกครั้ง ใส่มะเขือเปราะหั่นชิ้น ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา ข้าวคั่ว เมื่อจะเสิร์ฟ เร่งไฟแรงอีกครั้ง ใส่ต้นหอม ผักชีลาว ผักชีฝรั่ง ปิดไฟ เทลงชามพร้อมเสิร์ฟ


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

กุ้งเต้น

ความเป็นมา กุ้งฝอยที่นำมาทำกุ้งเต้นสามารถหาทานได้ทั่วไปในแถบลุ่มแม่น้ำโขง เป็นที่นิยมรับประทานกันในภาคอีสานและภาคเหนือ แต่สูตรจะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น แม้บางครั้งจะไม่เป็นที่ยอมรับกันมากเท่าใดนัก เนื่องจากวิธีการปรุงนั้นพิสดารกว่าปกติทั่วไป   คุณค่าทางโภชนาการ กุ้งฝอยมีคุณค่าทางโภชนาการ เป็นแหล่งรวมของโปรตีนและแคลเซียม  นอกจากนั้นยังมีหอมแดง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและบำรุงหัวใจผักชีฝรั่ง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ต้นหอม ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด   ส่วนผสม กุ้งฝอยเป็นๆ                  200    กรัม น้ำมะนาว                        2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                            1½     ช้อนโต๊ะ ข้าวคั่ว                             2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                 30      กรัม พริกป่น                            1        ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งซอย                  30      กรัม ต้นหอมซอย                   20      กรัม   วิธีทำ ล้างกุ้งฝอย พักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำใส่กุ้งฝอยลงในอ่างผสม ใส่น้ำมะนาว น้ำปลา ข้าวคั่ว หอมแดง และพริกป่น เคล้าให้เข้ากัน ใส่ผักชีฝรั่งและต้นหอม เคล้าให้เข้ากันทั่ว ตักใส่จานเสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ไส้อั่ว

  ความเป็นมา ไส้อั่ว เป็นวิธีการถนอมอาหารให้สามารถรับประทานได้นานขึ้นคำว่า อั่ว หมายถึง แทรก หรือยัดไว้ตรงกลาง ไส้อั่ว จึงหมายถึงไส้ที่มีการยัดไว้ตรงกลางซึ่งก็คือเนื้อสัตว์ต่างๆนั่นเอง   คุณค่าทางโภชนาการ ไส้อั่วมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ อีกทั้งเครื่องปรุงยังมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่นตะไคร้แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ ข่าช่วยบำรุงร่างกาย กระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย   ส่วนผสม เนื้อหมูบดติดมัน                   1        กิโลกรัม ใบมะกรูดหั่นฝอย                  3        ช้อนโต๊ะ ต้นหอม ผักชี หั่นฝอย            2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                    2        ช้อนโต๊ะ ไส้อ่อนหมู                              1/2     กิโลกรัม ส่วนผสมน้ำพริกแกง พริกแห้ง                            8        เม็ด เกลือป่น                            1        ช้อนชา ข่าซอย                              2        ช้อนชา ตะไคร้ซอย                         2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                      60      กรัม กระเทียมซอย                     3        ช้อนโต๊ะ กะปิ                                   1        ช้อนชา รากผักชี                            2        ช้อนชา ขมิ้นผง                             1/2     ช้อนชา วิธีทำ ปั่นหรือบดเครื่องพริกแกงให้ละเอียด จากนั้นนำไปคลุกเคล้ากับเนื้อหมูบด ใบมะกรูด ต้นหอม ผักชี ปรุงรสด้วยน้ำมา นวดและคลุกเคล้าจนเข้ากันดี นำไปยัดลงในไส้อ่อนหมูมัดหัวท้ายให้แน่น ก่อนนำไปนึ่งในลังถึงประมาณ 20 นาทีจึงเอามาย่างบนไฟอ่อน หรือทอดในน้ำมันจนสุก    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

รถด่วนทอด

ความเป็นมา รถด่วน หรือหนอนเยื่อไผ่ อาศัยอยู่ตามปล้องไม้ไผ่ กินเยื่อไผ่เป็นอาหาร รถด่วน ถ้าจะให้อร่อยต้องนำมาทอดกรอบ รสชาติจะออกมันๆ มีโปรตีนสูง นอกจากนั้นสามารถนำมาทำน้ำพริกรถด่วนได้อีกหนึ่งเมนู   คุณค่าทางโภชนาการ หนอนเยื่อไผ่ มีคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะให้โปรตีนสูงและมีไขมันต่ำ   ส่วนผสม ตัวหนอนเยื่อไผ่                    300    กรัม เกลือป่น                                1        ช้อนชา น้ำมันพืชสำหรับทอด   วิธีทำ นำหนอนเยื่อไผ่มาคลุกเคล้ากับเกลือให้ทั่ว พักไว้สักครู่ จากนั้นตั้งน้ำมันสำหรับทอดบนกระทะให้ร้อน นำหนอนเยื่อไผ่ลงไปทอดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน รับประทานกับซอสปรุงรส


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ผักกาดจอ

ความเป็นมา ผักกาดจอหรือจอผักกาด เป็นอาหารที่ใช้ผักกวางตุ้งที่กำลังออกดอกในการปรุง นิยมรับประทานกันแพร่หลายในทุกจังหวัดของภาคเหนือ สูตรผักกาดจอมีความแตกต่างกันออกไปตามท้องถิ่น   คุณค่าทางโภชนาการ ผักกวางตุ้งมีแคลเซียมสูงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยบำรุงและรักษาสายตา เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง   ส่วนผสม ผัดกาดกวางตุ้งหั่นท่อน                    2        กิโลกรัม กระดูกซี่โครงหมู หั่นเป็นชิ้น              1/2     กิโลกรัม หอมแดง                                     30      กรัม กระเทียม                                    20      กรัม กระเทียมสับ                                2        ช้อนโต๊ะ กะปิ                                            1        ช้อนโต๊ะ ปลาร้าสับ                                    1        ช้อนโต๊ะ เกลือ                                          1        ช้อนโต๊ะ มะขามเปียก                                1        ถ้วย น้ำมันพืช                                    3        ช้อนโต๊ะ พริกแห้งทอด                               5        เม็ด วิธีทำ ตั้งน้ำสะอาดจนเดือด ใส่ซี่โครงหมูลงไปต้มจนนุ่ม โขลกกระเทียม หอมแดง กะปิ เกลือ ปลาร้าสับ ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นใส่ลงไปในหม้อต้มรอจนเดือดอีกครั้ง ใส่ผักกวางตุ้งลงไป ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก ชิมรส ตั้งจนเดือดอีกครั้งปิดไฟ จากนั้นนำกระเทียมสับไปเจียวให้เหลืองหอม โรยหน้าพร้อมพริกแห้ง    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

น้ำพริกอ่อง

ความเป็นมา น้ำพริกอ่องมีมะเขือเทศเป็นส่วนผสมหลัก เป็นอีกหนึ่งน้ำพริกของชาวล้านนาที่นิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย  ลักษณะเด่นของน้ำพริกอ่อง คือ มีรสชาติที่ครบ ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด นิยมรับประทานกับผักสดหรือผักต้มก็ได้   คุณค่าทางโภชนาการ มะเขือเทศช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง และมีวิตามินเอมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา   ส่วนผสม มะเขือเทศผลเล็ก                 200    กรัม เนื้อหมูสับละเอียด                300    กรัม น้ำมันพืช                                2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                    2        ช้อนโต๊ะ ต้นหอม ผักชีหั่นหยาบ           3        ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมพริกแกง พริกชี้ฟ้าแห้ง                      8        เม็ด กระเทียม                            10      กรัม เกลือป่น                              1        ช้อนชา หอมแดงซอย                      30      กรัม ถั่วเน่าชนิดแผ่นย่างไฟ        20      กรัม รากผักชี                               1        ช้อนโต๊ะ กะปิ                                      1        ช้อนชา   วิธีทำ ปั่นหรือตำส่วนผสมพริกแกงจนละเอียด นำลงไปผัดให้มีกลิ่นหอมใส่หมูสับผัดจนสุก ใส่มะเขือเทศลงไปผัดจนสุกนุ่มและเริ่มแห้งลงเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมรส เมื่อได้ที่ดีแล้วตักขึ้นโรยต้นหอมและผักชี เสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

น้ำพริกหนุ่ม

ความเป็นมา พริกหนุ่ม คือพริกที่ยังไม่แก่จัด มีสีเขียวและมีรสเผ็ด น้ำพริกหนุ่ม เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้น เป็นอาหารของชาวล้านนาที่รู้จักและนิยมกันอย่างแพร่หลาย นิยมซื้อเป็นของฝากเมื่อมาเที่ยวทางภาคเหนือ รับประทานกับแคบหมูและผักสด   คุณค่าทางโภชนาการ พริกหนุ่มมีสารแคปไซซินเป็นตัวช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง จึงช่วยในการบำบัดโรคเบาหวานได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์   ส่วนผสม พริกหนุ่ม                   80      กรัม กระเทียมซอย            2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย             2        ช้อนโต๊ะ เกลือป่น                     1        ช้อนชา ผักชีซอย                    1        ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ เผา หรือคั่วพริกหนุ่มจนนุ่ม ลอกเปลือกที่ไหม้ออก หั่นเป็นท่อนพักไว้ จากนั้นนำหอมแดงกับกระเทียมตำให้ละเอียด ใส่พริกหนุ่มตำให้แหลกและเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือ ตักขึ้นเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยผักชีซอย    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ข้าวซอยไก่

  ความเป็นมา ข้าวซอยเป็นอาหารของชาวล้านนา ซึ่งมีที่มาจากอาหารของชาวมุสลิม จะใช้เนื้อไก่และเนื้อวัวเป็นวัตถุดิบหลัก มีรสชาติและกลิ่นของเครื่องแกงที่หอมหวนชวนรับประทานเป็นอย่างยิ่ง   คุณค่าทางโภชนาการ ข้าวซอยมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และมีคุณค่าทางโภชนาการจากส่วนผสมต่างๆ เช่น ตะไคร้ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร  ข่าช่วยบำรุงร่างกาย ผงขมิ้นช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ช่วยขับน้ำนมของแม่หลังคลอดบุตร พริกแห้งมีสารแคปไซซินช่วยให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย   ส่วนผสม เส้นข้าวซอย             120    กรัม น่องไก่                     80      กรัม กะทิ                           3        ถ้วยตวง ผงขมิ้น                    1/2     ช้อนชา ส่วนผสมพริกแกง พริกแห้ง                   7        เม็ด ตะไคร้ซอย                1        ช้อนโต๊ะ กระเทียมไทย             5        กรัม หอมแดงไทย             20      กรัม ข่าสับ                          1        ช้อนชา กะปิ                             1        ช้อนชา ผิวมะกรูดสับ             1/2     ช้อนชา เครื่องเคียง พริกป่นผัดน้ำมัน หอมแดง ผักกาดดอง มะนาว ผักชี ต้นหอม   วิธีทำ ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงเข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นนำเอาไปผัดกับกะทิจนมีกลิ่นหอม ใส่ผงขมิ้น และเติมกะทิใส่ลงไปตั้งไฟรอจนเดือด ใส่น่องไก่ ต้มจนไก่สุก จากนั้นลวกเส้นข้าวซอยให้สุกนุ่มใส่ลงในจาน ราดด้วยน้ำแกงข้าวซอย เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ขนมจีนน้ำเงี้ยว

ความเป็นมา ขนมจีน หรือ เข้าหนมเส้น ทานกับน้ำแกงที่เรียกว่าน้ำเงี้ยว จึงเป็นขนมจีนน้ำงี้ยว ซึ่งเป็นอาหารของชาวล้านนาที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย สูตรของขนมจีนน้ำเงี้ยวจะแตกต่างกันออกไปตามท้องถิ่น บางพื้นที่ใช้ถั่วเน่าแผ่นย่างไฟ โขลกลงในเครื่องแกงเพื่อเพิ่มรสชาติ   คุณค่าทางโภชนาการ ขนมจีนน้ำเงี้ยวมีคุณค่าทางโภชนาการจาก เส้นขนมจีนที่ให้คาร์โบไฮเดรต โปรตีนจากหมูสับและซี่โครงหมู ได้วิตามินซีจากมะเขือเทศ อีกทั้งมะเขือเทศยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้านและมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ   ส่วนผสม ซี่โครงหมูต้ม ตัดเป็นชิ้น         1/2     กิโลกรัม เลือดหมู หั่นสี่เหลี่ยม             1/2     กิโลกรัม หมูสับ                                      400    กรัม มะเขือเทศลูกเล็ก ผ่าครึ่ง        1/2     กิโลกรัม เกลือ                                        2        ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช                                  2        ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด                                 6        ถ้วย ส่วนผสมพริกแกง พริกแห้ง                              7        เม็ด รากผักชีหั่นฝอย                   1        ช้อนชา ข่าหั่นละเอียด                     1        ช้อนชา ตะไคร้ซอย                         2        ช้อนชา กะปิ                                     2        ช้อนชา หอมแดง                            40      กรัม กระเทียม                          60      กรัม วิธีทำ ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด นำไปผัดกับน้ำมันให้หอม ใส่หมูสับ ผัดให้สุก ใส่ซี่โครงหมู มะเขือเทศ ใส่น้ำสะอาดตั้งไฟต่อจนเดือด ปรุงรสด้วยเกลือชิมรส ตักราดลงบนขนมจีน ทาคู่ผักดองและผักสด    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

แกงโฮ๊ะ

ความเป็นมา คำว่า “โฮ๊ะ” แปลว่า รวม คือการนำเอาอาหารหลายๆ อย่างมารวมกัน แต่ก่อนแกงโฮะมักจะทำจากอาหารที่เหลือหลายๆ อย่าง โดยจะมีความแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น แต่สมัยนี้ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ในการปรุงเพื่อให้มีคุณค่าทางโภชนาการมากยิ่งขึ้น                               คุณค่าทางโภชนาการ แกงโฮ๊ะ มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายจากวัตถุดิบหลากหลายที่ผสมรวมกันเช่น ขมิ้นสดช่วยในการขับลม มะเขือพวงมีสารเพกติน ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยสารนี้จะมีหน้าที่ช่วยเคลือบผิวในลำไส้ ทำให้อาหารเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้ช้า จึงช่วยดูดซึมแป้งและน้ำตาลที่ย่อยแล้วได้ช้าลง ทำให้ระดับของน้ำตาลในเลือดคงที่   ส่วนผสม เนื้ออกไก่หั่นชิ้นบาง                        150    กรัม หมูสามชั้นหั่นชิ้นบาง                      200    กรัม มะเขือเปราะผ่าสี่                          100    กรัม หน่อไม้ดอง                                  200    กรัม มะเขือพวง                                  50      กรัม วุ้นเส้นแช่น้ำจนนิ่มหั่นท่อน               150    กรัม ถั่วฝักยาวหั่นท่อน                          100    กรัม ยอดใบตำลึงเด็ด                            100    กรัม ผักชีหั่นท่อน                                  3        ช้อนโต๊ะ ต้นหอมหั่นท่อน                             3        ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งหั่นท่อน                            3        ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูแดงบุบ                            5        กรัม น้ำปลา                                           3        ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับผัด ส่วนผสมพริกแกง พริกชี้ฟ้าแห้ง                                8        เม็ด เกลือป่น                                       1        ช้อนชา ตะไคร้ซอย                                   2        ช้อนโต๊ะ กระเทียมซอย                               2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                                3        ช้อนโต๊ะ ขมิ้นสดซอย                                  1        ช้อนชา กะปิ                                               1        ช้อนชา


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

แกงฮังเล

ความเป็นมา แกงฮังเล หรือ แกงฮินเล เป็นอาหารไทยที่มีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า โดยคำว่า “ฮิน” ในภาษาพม่า หมายถึง แกง และ “เล” ในภาษาพม่า หมายถึง เนื้อสัตว์ แกงฮังเลหาทานได้ง่ายเพราะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วภาคเหนือ   คุณค่าทางโภชนาการ ขิงมีสรรพคุณหลากหลาย จัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก ช่วยชะลอความแก่และชะลอการเกิดริ้วรอย ขิงมีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และช่วยในการขับเหงื่อ   ส่วนผสม หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้น            1        กิโลกรัม ซีอิ๊วดำ                                  1        ช้อนโต๊ะ กระเทียมปอก                     1/2     ถ้วยตวง ขิงสดหั่นฝอย                      1/2     ถ้วยตวง น้ำมะขามเปียก                   1/2     ถ้วยตวง ผงกะหรี่                                1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                1/2     ถ้วยตวง น้ำมัน                                  1/2     ถ้วยตวง น้ำตาลปี๊บ                           1/2     ถ้วยตวง น้ำสะอาด                            3        ถ้วยตวง ส่วนผสมพริกแกง พริกแห้งหั่นแว่น                  6        เม็ด กระเทียมซอย                     2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                      2        ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย                          1        ช้อนโต๊ะ ข่าซอย                                1        ช้อนชา เกลือป่น                               1        ช้อนชา กะปิ                                     2        ช้อนชา วิธีทำ ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด นำลงไปผัดกับน้ำมันให้หอม ใส่หมูสามชั้นหั่นชิ้นลงไปผัดให้เริ่มสุก ใส่กระเทียม เติมน้ำสะอาด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ซีอิ๊วดำ ผงกะหรี่ คนให้เข้ากันตั้งไฟอ่อนจนเดือด ใส่ขิงสดหั่นฝอยคนให้เข้ากัน ตั้งต่อจนเดือดอีกครั้ง ตักเสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

แกงอ่อมหมู

ความเป็นมา แกงอ่อมหมูของทางภาคเหนือ จะแตกต่างจากแกงอ่อมในภาคอีสาน เพราะมีพริกแกงที่รสชาติจัดจ้านกว่า สมัยก่อนแกงอ่อมของชาวล้านนาจะเป็นอาหารที่นิยมทานกันในช่วงเวลาที่สำคัญๆท่านั้น   คุณค่าทางโภชนาการ เครื่องแกงของแกงอ่อมมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่นตะไคร้แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ ข่าช่วยบำรุงร่างกาย กระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย   ส่วนผสม หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ            200    กรัม ข่าอ่อนซอย                                   10      กรัม ตะไคร้ซอย                                    15      กรัม ใบมะกรูด                                        4        ใบ รากผักชี                                         10      กรัม ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ                          1        ช้อนโต๊ะ ผักชีซอย                                        1        ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย                                  1        ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชสำหรับผัด ส่วนผสมพริกแกง พริกแห้ง                                     7        เม็ด หอมแดง                                     30      กรัม กระเทียม                                    15      กรัม ข่าซอย                                       1        ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย                                  1        ช้อนโต๊ะ รากผักชีซอย                                1        ช้อนชา กะปิ                                             1        ช้อนชา วิธีทำ ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด นำลงไปผัดกับน้ำมันจนมีกลิ่นหอม ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนหมูเริ่มสุก ใส่ข่า ตะไคร้ รากผักชี ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำลงให้พอท่วมเนื้อหมู เคี่ยวต่อจนเนื้อนุ่ม ใส่ใบมะกรูด และผักชีฝรั่ง ตั้งไฟจนเดือด ยกลง ตักเสิร์ฟพร้อมโรยด้วยต้นหอม ผักชี    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

แกงหัวปลี

ความเป็นมา แกงหัวปลีหรือแกงปลี เป็นแกงผักชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานกันเพราะมีประโยชน์และสรรพคุณที่มากมาย สามารถหาทานได้ไม่ยาก   คุณค่าทางโภชนาการ หัวปลีมีสรรพคุณช่วยบำรุงน้ำนมของแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร รักษาโรคกระเพาะ และแก้ร้อนใน   ส่วนผสม หัวปลี                                         400    กรัม เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นๆ                        200    กรัม ต้นหอมหั่นเป็นท่อนๆ                      50      กรัม พริกขี้หนูบุบ                                   5        กรัม น้ำปลา                                            2        ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า                                          5        ถ้วยตวง ส่วนผสมน้ำพริกแกง พริกแห้ง                                        5        เม็ด ข่าหั่นละเอียด                               2        ช้อนชา ตะไคร้หั่นฝอย                              3        ช้อนโต๊ะ เกลือป่น                                       1        ช้อนชา กระเทียมซอย                               2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                                3        ช้อนโต๊ะ ปลาร้าสับละเอียด                          1        ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด จากนั้นตั้งน้ำให้เดือดใส่เนื้อหมูลงไปต้มจนเริ่มสุก ในพริกแกงลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่พริกขี้หนู และหัวปลีซอยลงไปต้มจนหัวปลีสุกนุ่ม ตักขึ้นเสิร์ฟ โรยด้วยต้นหอมหั่นท่อน


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

แกงหน่อไม้

ความเป็นมา แกงหน่อไม้ หรือแกงหน่อ ใช้หน่อไม้สดในการปรุง ใส่เนื้อสัตว์ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น กระดูกหมู หรือปลาดุก ปลาช่อน   คุณค่าทางโภชนาการ หน่อไม้เป็นอาหารที่ให้เส้นใยสูงจึงช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เมื่อหน่อไม้ผ่านการย่อยร่างกายจะดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดได้ดี   ส่วนผสม ปลาย่าง                              200    กรัม(เอาแต่เนื้อ) หน่อไม้สด                          400    กรัม ชะอม                                  50      กรัม เห็ดฟางผ่าซีก                     50      กรัม ใบชะพลู                              20      กรัม น้ำซุป                                  5        ถ้วย ส่วนผสมพริกแกง พริกแห้ง                            3        เม็ด หอมแดง                           30      กรัม กระเทียม                          10      กรัม กะปิ                                   1        ช้อนโต๊ะ ปลาร้าสับ                          1        ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียดพักไว้ นำหน่อไม้ไปต้มในน้ำซุปให้สุก จากนั้นนำพริกแกงใส่ลงไปในหม้อต้มหน่อไม้ คนให้ละลาย เมื่อเดือดแล้วใส่เห็ดฟาง ปลาย่าง ชะอม และใบชะพลู ต้มจนผักสุก ตักขึ้นเสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire