SLider section

อาหาร 4 ภาค

อาหารภาคเหนือ

จิ้นฮุ่ม

    ความเป็นมา จิ๊นฮุ่ม คืออาหารที่ใช้เนื้อสัตว์ในส่วนที่ค่อนข้างเหนียวมาปรุงอาหาร สมัยก่อนนิยมใช้เนื้อวัวตากแห้ง แต่ปัจจุบันนิยมใช้เนื้อหมูแทน   คุณค่าทางโภชนาการ เครื่องแกงจิ๊นฮุ่ม มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่นตะไคร้แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ ข่าช่วยบำรุงร่างกาย กระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย   ส่วนผสม ขาหมู            400    กรัม ตะไคร้           40      กรัม ผักชีลาว         ½       ถ้วย รากผักชี         20      กรัม ผักชีซอย        1        ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย    1        ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมพริกแกง พริกแห้ง        5        เม็ด กระเทียม       5        กรัม หอมแดง        30      กรัม ข่าหั่น             ½       ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย      1        ช้อนโต๊ะ ขมิ้นหั่น          5        กรัม กะปิ                1        ช้อนชา เกลือ             ½       ช้อนชา วิธีทำ โขลกส่วนผสมพริกแกงรวมกันให้ละเอียด ตั้งน้ำสะอาดจนเดือด ละลายเครื่องแกงในน้ำ ใส่ขาหมูสับลงในหม้อ ต้มจนเปื่อยใส่ผักชีลาว ตะไคร้หั่นเป็นท่อน รากผักชี ก่อนตักขึ้น โรยผักชีซอย และต้นหอมซอย จัดเสิร์ฟ      


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ไข่ป่าม

    ความเป็นมา ไข่ป่ามหรืออ็อกไข่ เป็นการทำให้ไข่สุกด้วยวิธีการนำไข่ใส่กระทงแล้วย่างให้สุกโดยที่ไม่ใช้น้ำมัน   คุณค่าทางโภชนาการ ไข่ไก่ อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆมากมาย ช่วยลดความดันโลหิต เป็นแหล่งโปรตีนที่เหมาะกับคนที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์เป็นอย่างมาก   ส่วนผสม ไข่ไก่                          5        ฟอง ต้นหอมซอย              2        ช้อนโต๊ะ พริกหยวกซอย           2        ช้อนโต๊ะ เกลือ                          ½       ช้อนชา   วิธีทำ ตอกไข่ไก่ใส่ชาม ใส่เกลือ พริกหยวก ต้นหอม ตีไข่ไก่และส่วนผสมให้เข้ากันเตรียมกระทงกว้างประมาณ 5 นิ้ว นำมาซ้อนกัน จีบเป็นกระทงใช้ไม้กลัด ใส่ส่วนผสมลงในกระทง นำไปย่างไฟอ่อนๆ จนไข่สุกและเหลืองทั่ว      


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ไข่คว่ำ

    ความเป็นมา ไข่คว่ำเป็นเมนูพื้นบ้านของชาวล้านนา นิยมใช้ไข่เป็ดเพราะเปลือกไข่เป็ดใบใหญ่ ไม่แตกง่าย เวลาทำจะได้ไข่คว่ำที่สวยงาม   คุณค่าทางโภชนาการ ไข่ อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆมากมาย ช่วยลดความดันโลหิต  เนื้อหมูเป็นแหล่งโปรตีน กระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย   ส่วนผสม ไข่เป็ด             3        ฟอง ไข่ไก่                2        ฟอง เนื้อหมูบด        200    กรัม น้ำตาลทราย      1        ช้อนชา กระเทียมสับ       1        ช้อนโต๊ะ พริกไทย              1        ช้อนชา ผักชีซอย            ½       ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย      ½       ช้อนโต๊ะ เกลือ                   ½       ช้อนชา น้ำมันพืช   วิธีทำ ต้มไข่เป็ดจนสุก ผ่าครึ่งทั้งเปลือก จากนั้นใช้ช้อนควักไข่ออกโดยไม่ให้เปลือกไข่แตก ผสมไข่เป็ดต้ม หมูสับ กระเทียมสับ เกลือ พริกไทย น้ำตาล ผักชี ต้นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักส่วนผสมใส่ในเปลือกไข่เป็ด ตอกไข่ไก่ใส่ชาม จากนั้นตั้งกระทะ เทน้ำมัน นำไข่ที่พักไว้ชุบไข่ไก่ แล้วคว่ำหน้าลงทอดพอหมูสุกและเหลือง ตักขึ้น พร้อมเสิร์ฟ      


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ข้าวแต๋น

    ความเป็นมา ข้าวแต๋น เป็นขนมที่นิยมทำกันในเทศกาลปีใหม่เมืองของชาวล้านนา ปัจจุบันสามารถหาทานได้ทั่วไป เพราะเป็นของว่างที่อร่อยถูกใจ จึงมีผู้คิดค้นสูตร ข้าวแต๋นขึ้นมาอีกหลายสูตร   คุณค่าทางโภชนาการ งามีสรรพคุณหลากหลายเช่นช่วยเพิ่มพลังงานและความแข็งแรงของร่างกาย ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน   ส่วนผสม ข้าวสารเหนียว          ½       กิโลกรัม น้ำแตงโม                  1        ถ้วย งาดำ                         2        ช้อนโต๊ะ เกลือ                         1        ช้อนชา น้ำมันพืช   วิธีการทำ ผสมงาดำในน้ำแตงโม คนให้เข้ากันนึ่งข้าวให้สุก เทน้ำแตงโมผสมงาดำลงในชามข้าวเหนียว ใส่เกลือ คลุกเคล้า ให้เข้ากันกดข้าวลงในพิมพ์วงกลม แกะข้าวออกจากพิมพ์ นำไปตากแดด 2 วันทอดข้าวแต๋นในน้ำมันร้อนจัด หยอดด้วยน้ำอ้อยที่เคี่ยวจนเหนียว


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ข้าวแคบ

    ความเป็นมา ข้าวแคบ เป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งของทางภาคเหนือ สมัยก่อนนิยมทานกันในช่วงงานบุญ งานเทศกาลต่างๆ   คุณค่าทางโภชนาการ งามีสรรพคุณหลากหลายเช่นช่วยเพิ่มพลังงานและความแข็งแรงของร่างกาย ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน ลดความอ้วน ช่วยลดการดูดซึมและการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล อีกทั้งยังช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว   ส่วนผสม ข้าวสารเหนียว          1        กิโลกรัม งาดำ                         3        ช้อนโต๊ะ เกลือป่น                    1        ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ ทำแป้งด้วยการโม่ข้าวสารเหนียว ผสมงาดำและเกลือลงในน้ำแป้งคลุมหม้อด้วยผ้าขาวบาง ตั้งน้ำให้เดือด ละเลงแป้งลงบนผ้าเป็นแผ่นวงกลม พอแป้งสุก ใช้ไม้พายช้อนขึ้น วางแป้งตากแดดให้แห้ง ประมาณ 2 วัน จาดนั้นนำมาย่างเตาถ่านจนเหลืองพร้อมรับประทาน    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ขนมแตงไทย

    ความเป็นมา ขนมแตงไทย หรือเข้าหนมบ่าแตง จะมีวิธีทำคล้ายกับขนมกล้วย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ชาวล้านนานิยมรับประทานกัน   คุณค่าทางโภชนาการ แตงไทยมีวิตามินเอสูงมากอีกทั้งยังมีสรรพคุณมากมาย เช่นรับประทานแก้กระหาย ใช้ขับปัสสาวะ บำรุงหัวใจ บำรุงสมอง สามารถบรรเทาอาการไอจากโรคปอด ป้องกันโรควัณโรค แก้โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ   ส่วนผสม แตงไทย                   500    กรัม น้ำตาลทราย             500    กรัม แป้งข้าวเจ้า              400    กรัม แป้งมัน                    100    กรัม มะพร้าว                   1        ถ้วย กะทิ                         3        ถ้วย เกลือป่น                   1        ช้อนชา วิธีทำ ผสมแตงไทย แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน กะทิ เข้าด้วยกัน นวดส่วนผสม และขยำแตงไทยให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่น้ำตาลทราย นวดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย ฉีกใบตองกว้าง 6 นิ้ว ทำเป็นกรวย แล้วใช้ไม้กลัด กลัดใบตอง ตักส่วนผสมใส่ลงในกรวยให้เต็มวางกรวยขนมในรูของชั้นลังถึง โรยมะพร้าวขูด แล้วนำไปนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที    


เพิ่มเติม

อาหารภาคเหนือ

ขนมกล้วย

    ความเป็นมา ขนมกล้วย หรือเข้าหนมกล้วย เป็นขนมซึ่งชาวล้านนานิยมทำรับประทาน โดยใช้แป้งข้าวเจ้าและกล้วยน้ำว้าเป็นส่วนผสมหลัก   คุณค่าทางโภชนาการ กล้วยน้ำว้าช่วยแก้โรคกระเพาะได้ดีเนื่องจากมีสารแทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการเคลือบรักษากระเพาะและลำไส้ป้องกันการติดเชื้อ และยังมีฤทธิ์ในการช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี   ส่วนผสม กล้วยน้ำว้าสุก           500    กรัม น้ำตาลทราย             500    กรัม แป้งข้าวเจ้า              300    กรัม แป้งมัน                      100    กรัม มะพร้าวขูด                 1        ถ้วย กะทิ                             3        ถ้วย เกลือป่น                      1        ช้อนชา   วิธีทำ นำกล้วยน้ำว้า แป้งข้าวเจ้า กะทิ ใส่ลงในอ่างผสม ขยำกล้วยให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่น้ำตาลทราย แล้วนวดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายฉีกใบตอง ทำเป็นกรวย แล้วใช้ไม้กลัด กลัดใบตองตักส่วนผสมใส่ลงในกรวยให้เต็ม วางกรวยขนมในรูของลังถึง โรยมะพร้าวขูด นึ่งไฟกลาง ประมาณ 20 นาที    


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

ห่อหมกปลาช่อน

    ความเป็นมา การนึ่งในอาหารไทยนั้นคาดว่าได้รับวิธีนี้มาจากชาวจีน มาผสมผสานกับรสชาติและวัตถุดิบอย่างไทย โดยการใช้น้ำพริกแกงผสมในกะทิและเนื้อปลา คนในอ่างดินเนื้อหยาบเพื่อให้เนื้อปลาค่อยๆ ขูดไปกับอ่างดินและละลายปนไปกับกะทิจนส่วนผสมข้นเพื่อให้เนื้อห่อหมกละเอียด นับเป็นวิธีการทำที่น่ายกย่อง อีกทั้งการใส่กระทงใบตองและผักอย่างใบโหระพาช่วยให้มีกลิ่นหอมชวนกินเมื่อนึ่งเสร็จ   คุณค่าอาหาร ห่อหมกได้โปรตีนจากเนื้อปลาและไขมันจากกะทิไปพร้อมๆ กัน ซึ่งปริมาณไขมันไม่มากเกินไป เนื้อปลายังย่อยง่าย ในน้ำพริกแกงมีพริกและสมุนไพรช่วยแก้ท้องอืดและช่วยย่อย  แม้ว่ากินอิ่มแต่จะไม่รู้สึกแน่นท้อง ส่วนผักให้วิตามินและกากใยได้ดี   ส่วนผสม ปลาช่อนล้างสะอาดหั่นเป็นชิ้น          1        กก. กะทิ                                                    3        ถ้วย หัวกะทิ (สำรับหยอดหน้า )               ½       ถ้วย น้ำพริกห่อหมก                                  ½       ถ้วย ไข่                                                       1        ฟอง น้ำปลา                                               3        ช้อนโต๊ะ ผักรองก้นกระทง เช่น ใบยอ ใบโหระพา ผักกาดขาวลวก กะหล่ำปลีลวก พริกแดงหั่นฝอย ผักชี สำหรับโรยหน้า   วิธีทำ นำหัวกะทิไปตั้งไฟจนเดือด ใส่แป้งข้าวเจ้าละลายน้ำเล็กน้อย คนให้เข้ากันจนข้น พักไว้สำหรับหยอดหน้าเทกะทิใส่อ่างดิน ใส่เนื้อปลา คนให้เข้ากันดี ใส่น้ำพริกคนจนข้นเล็กน้อย ตอกไข่ใส่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา คนจนเข้ากันดีและส่วนผสมข้นหนืดนำผักรองไว้ก้นกระทง ตักส่วนผสมห่อหมกใส่ นำไปนึ่งไฟแรงจนสุกราดกะทิ โรยใบมะกรูด โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้า ผักชี นึ่งต่อเล็กน้อย เสิร์ฟ


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

สุกียากี้แห้ง

    ความเป็นมา สุกียากี้ เป็นภาษาญี่ปุ่นหมายถึงการย่างในกระทะร้อน แต่สุกียากี้ที่บ้านเรากินกันได้รับอิทธิพลมาจากจีนเพราะส่วนผสมหลักของน้ำจิ้มที่มีสีแดงทำมาจากเต้าหู้ยี้ วิธีรับประทานจะลวกเนื้อสัตว์ ผักต่างๆ ในน้ำซุปร้อนๆ และนิยมกินกันเป็นกลุ่มหลายคน  อีกทั้งสามารถดัดแปลงเป็นอาหารจานเดียวได้โดยผัดส่วนผสมอย่างวุ้นเส้น เนื้อสัตว์ ผัก แล้วใส่น้ำจิ้ม ไข่ เป็นสุกียากี้แห้ง ที่สามารถสั่งได้ในร้านอาหารตามสั่ง   คุณค่าทางโภชนาการ สุกียากี้มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์อย่างเช่นเนื้อหมู เนื้อวัว หรือซีฟู้ดต่างๆ ซึ่งจะให้โปรตีนที่สำคัญ ผักต่างๆ ที่นิยมใส่ เช่น ผักกาดขาว ผักบุ้ง มีวิตามิน เกลือแร่ และกากใย ส่วนผสมน้ำจิ้มซึ่งมีเต้าหู้ยี้เป็นส่วนผสมหลักทำจากถั่วเหลืองหมักอุดมไปด้วยโปรตีน เกลือแร่ เหล็ก และโพแทสเซียม ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง และบำรุงโลหิต จานนี้อาจจัดเป็นอาหารครบ 5 หมู่จานหนึ่ง   ส่วนผสมน้ำจิ้ม เต้าหู้ยี้ 1 ก้อน กระเทียมดองสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ พร้อมน้ำกระเทียมดอง น้ำตาลปึก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ งาขาวบด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนชา น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูแห้งคั่วหั่น 2 เม็ด  น้ำเปล่า2 ช้อนโต๊ะ  ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน เตรียมไว้   ส่วนผสม วุ้นเส้นแช่น้ำจนนิ่ม                         80      กรัม เนื้อหมู/เนื้อวัวหั่นบาง                50      กรัม เนื้อไก่                                         50      กรัม กุ้ง / ปลาหมึก ประมาณ             50      กรัม ผักกาดขาวหั่น                             50      กรัม ผักบุ้งหั่น                                     50      กรัม ขึ้นฉ่ายหั่น                                   20      กรัม ไข่                                                2        ฟอง น้ำจิ้มสุกียากี้ประมาณ                  ½       ถ้วย น้ำมันสำหรับผัด                            2        ช้อนโต๊ะ กระเทียมบุบ                                  2        กลีบ วิธีทำ หมักเนื้อสัตว์ ซีฟู้ดกับเกลือ พริกไทย ซีอิ๊ว และไข่ 1 ฟอง คลุกให้เข้ากันไว้สักครู่ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน เจียวกระเทียมพอหอม ใส่เนื้อสัตว์ลงไปผัดพอสุก ใส่วุ้นเส้น ผักทั้งหมดที่เตรียมไว้ ใส่น้ำเล็กน้อย ใส่น้ำจิ้มสุกียากี้ ผัดทั้งหมดรวมกัน ตอกไข่ใส่ ผัดเร็วๆ ตักขึ้นใส่จาน รับประทานร้อนๆ เสิร์ฟกับน้ำจิ้มสุกียากี้ตามชอบ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

วุ้นกะทิ

    ความเป็นมา วุ้นเป็นขนมหวานของไทยที่หากินได้ทั่วไป เนื้อวุ้นจะคล้ายกับเยลลี่ของฝรั่ง แตกต่างกันที่เนื้อสัมผัสของวุ้นจะแข็งและกรอบกว่า คนไทยนำกะทิมาผสมกับผงวุ้นเติมเกลือเล็กน้อยเพื่อให้มีรสเค็มมัน ทำเป็นหน้าของวุ้นตัดกับรสหวานของเนื้อวุ้นที่ใส่เฉพาะน้ำตาล ทำให้กินได้อร่อยไม่เลี่ยน และใส่สลับชั้นให้ดูสวยงาม   คุณค่าทางโภชนาการ วุ้นเป็นสารสกัดมาจากสาหร่ายที่เรียกว่า “อาการ์” มีคุณสมบัติทำให้เนื้อขนมแข็ง สาหร่ายมีธาตุไอโอดีน แต่เมื่อเทียบกับน้ำตาลและกะทิที่เป็นส่วนผสมของวุ้นกะทิซึ่งมีมากกว่าวุ้น จึงควรบริโภคแต่พอเหมาะ แม้ว่าวุ้นกะทิปริมาณ 100 กรัมจะให้พลังงาน 133 กิโลแคลอรี แต่ก็ไม่ควรกินมากเกินไป   ส่วนผสมตัววุ้น วุ้นผง                                1        ช้อนโต๊ะ น้ำลอยดอกมะลิ                  2 1/4  ถ้วย น้ำตาลทราย                       1/2     ถ้วย น้ำใบเตย (ตำและคั้นน้ำ )หรือสีผสมอาหารสีตามชอบ   ส่วนผสมหน้ากะทิ ผงวุ้น                                 1        ช้อนโต๊ะ หัวกะทิ                              2 ¼    ถ้วย น้ำตาลทราย                       ¼       ถ้วย เกลือป่น                             2        ช้อนชา   วิธีทำ ผสมผงวุ้น น้ำลอยดอกมะลิ เกลือ ตั้งไฟ คอยคนจนวุ้นละลายหมด ก่อนยกขึ้นใส่น้ำใบเตยให้มีสีสวยตามชอบ ตักใส่พิมพ์ นำส่วนผสมหัวกะทิตั้งไฟ คอยคนจนวุ้นละลาย ตักหยอดหน้าตัววุ้น


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

เย็นตาโฟ

  ความเป็นมา ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟเป็นอาหารของคนจีนแคะที่ชื่อว่า “หยงเต้าฟู้” ซึ่งเพี้ยนมาเป็นเย็นตาโฟ ในภายหลังหยงเต้าฟู้คือเต้าหู้ยัดไส้หมูสับของคนจีนแคะ ก๋วยเตี๋ยวนี้แต่เดิมใส่เต้าหู้ยัดไส้ปลา ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นลูกชิ้นปลา แต่ที่สำคัญต้องมีผักบุ้งไทยลวก ใส่ปลาหมึกกรอบ แมงกะพรุน มีซอสเย็นตาโฟสีแดง และต้องมีรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน คุณค่าทางโภชนาการ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟมีคุณค่าใกล้กับก๋วยเตี๋ยวน้ำทั่วไป แต่ได้พลังงานมากกว่าจากปลาหมึกกรอบ ซึ่งมีคอเลสเตอรอล ได้โปรตีนจากลูกชิ้นปลา และวิตามิน เกลือแร่ กากใยอาหารจากผักบุ้ง ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ 1 ชามให้พลังงาน 352 กิโลแคลอรี  ส่วนผสม ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กหรือใหญ่                 120    กรัม ผักบุ้งไทย                                    50      กรัม ปลาหมึกกรอบ                                  15      กรัม แมงกะพรุน                                        15      กรัม ลูกชิ้นปลาอย่างกลม                         20      กรัม ลูกชิ้นปลาเส้นหั่นบาง 1 ซม.             20      กรัม เกี๊ยวกรอบ                                           2        ชิ้น ซอสเย็นตาโฟ                                     2        ช้อนโต๊ะ พริกเหลืองดองน้ำส้ม น้ำตาล น้ำปลา น้ำซุป วิธีทำ ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวและผักบุ้งใส่ชาม ใส่เครื่องเคียงส่วนผสมทั้งหมด ตักซอสเย็นตาโฟราด เติมพริก น้ำตาล น้ำปลา สุดท้ายตักน้ำซุปใส่เสิร์ฟร้อนๆ


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

ยำวุ้นเส้น

    ความเป็นมา วุ้นเส้นเป็นอาหารประเภทเส้นของจีน เส้นเล็กกลม เมื่อสุกเนื้อจะเหนียว ใส คนจีนนิยมนำมาผัด ทำแกงจืด แต่ความที่คนไทยชอบอาหารรสจัดอย่างยำ จึงนำวุ้นเส้นมายำใส่เนื้อหมู กุ้ง กุ้งแห้งทอดให้เคี้ยวได้กรุบกรอบ และราดด้วยน้ำยำรสจัด เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน   คุณค่าทางโภชนาการ วุ้นเส้นทำมาจากแป้งถั่วเขียว จัดเป็นคาร์โบไฮเดรทที่มีโปรตีนอยู่น้อยมาก จึงไม่ได้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน แต่วุ้นเส้นมีคุณสมบัติตอบสนองต่อน้ำตาลในเลือดต่ำจึงเหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน ส่วนผมอื่นในยำวุ้นเส้น เช่น เนื้อหมู กุ้ง ให้โปรตีน หอมหัวใหญ่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และน้ำยำที่รสเผ็ด เปรี้ยว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ยำวุ้นเส้น 1 จานให้พลังงานเพียง 120 กิโลแคลอรี   ส่วนผสม วุ้นเส้นตัดสั้น                         120    กรัม เนื้อหมูสับ / กุ้ง ลวกสุก         60      กรัม กุ้งแห้งตัวเล็กทอด                2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                       20      กรัม เห็ดหูหนูหั่นชิ้นเล็ก               30      กรัม กระเทียมเจียว                         2        ช้อนโต๊ะ ต้นขึ้นฉ่ายหั่นเป็นชิ้นยาว        30      กรัม มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น              60      กรัม   ส่วนผสมน้ำยำ พริกขี้หนูซอย 5-10 เม็ด น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาวอย่างละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำยำ ชิมรสเตรียมไว้   วิธีทำ ลวกวุ้นเส้น ผสมกับส่วนผสมยำวุ้นเส้นทั้งหมด คลุกน้ำยำ รับประทานทันที    


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

ผัดเปรี้ยวหวานกุ้งหมู

    ความเป็นมา ผัดเปรี้ยวหวานเป็นอาหารที่ทั้งชาวไทยและชาวจีนนิยมกัน ชาวจีนมักจะผัดผักปรุงรสให้เปรี้ยวหวานและนำมาราดปลาทอด แต่สำหรับชาวไทยจะผัดกับกุ้งและหมู จุดเด่นของอาหารจานนี้คือ ต้องปรุงรสเปรี้ยวด้วยน้ำส้มสายชู ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสเปรี้ยวในอาหารจีน และต้องปรุงรสหวานจากน้ำตาลทรายเท่านั้น   คุณค่าทางโภชนาการ รสเปรี้ยวและหวานทำให้กินอาหารจานนี้ได้อร่อยขึ้น หมูและกุ้งเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีหอมหัวใหญ่เมื่อกินสดจะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ แต่ไม่ว่าจะกินดิบหรือสุกสามารถช่วยต้านผลร้ายของอาหารมันๆ ที่มีต่อเลือดได้ เพราะมีสารช่วยป้องกันเลือดแข็งตัว และอาจเพิ่มอัตราเร่งการสลายตัวของลิ่มเลือดได้   ส่วนผสม เนื้อหมู กุ้ง รวมกัน               120    กรัม กระเทียมบุบ                        5        กรัม น้ำซุปประมาณ                     1        ถ้วย แตงกวาหั่นชิ้นใหญ่             80      กรัม หอมหัวใหญ่                        80      กรัม พริกหยวกหรือพริกหวาน     50      กรัม ต้นหอมหั่นเป็นชิ้นยาว           20      กรัม น้ำส้มสายชู                             3        ช้อนโต๊ะ น้ำตาล                                     2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                     2        ช้อนโต๊ะ แป้งมันสำปะหลังใส่น้ำเล็กน้อย วิธีทำ ใส่น้ำมันในกระทะ พอร้อน เจียวกระเทียมให้หอม ใส่กุ้ง และหมูรวนพอสุกใส่แตงกวา หอมหัวใหญ่ พริกหยวก ผัดพอเข้ากัน ใส่น้ำซุป ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู น้ำตาล น้ำปลา พอเดือดใส่แป้งมันผสมน้ำ ผัดให้พอข้นเหนียว ใส่ต้นหอม ตักใส่จานเสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

ปอเปี๊ยะทอด

    ความเป็นมา ปอเปี๊ยะทอดเป็นอาหารเวียดนามที่คนไทยนิยมกินกัน แผ่นแป้งปอเปี๊ยะทำจากแป้งข้าวเจ้าซึ่งเป็นแผ่นแป้งที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม ปอเปี๊ยะมีทั้งชนิดสดและทอด จัดเป็นของกินเล่นหรือของว่างที่กินได้เกือบตลอดวัน   คุณค่าทางโภชนาการ ปอเปี๊ยะทอดจัดเป็นอาหารสุขภาพ ปอเปี๊ยะ 1 ชิ้น โดยทั่วไปให้พลังงาน 39 กิโลแคลอรี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของไส้ซึ่งจะนิยมใส่วุ้นเส้น กะหล่ำปลี หมูสับ เห็ดหูหนู ซึ่งให้พลังงานไม่มาก อีกทั้งยังมีผักสดต่างๆ ที่เป็นผักเคียง เช่น ใบโหระพา กะหล่ำปลี ที่ให้วิตามินและกากใยแต่เมื่อทอดปอเปี๊ยะในน้ำมันไม่ร้อนพอจะทำให้อมน้ำมัน เป็นการเพิ่มปริมาณของไขมันที่ร่างกายได้รับจนมากเกินไป   ส่วนผสม วุ้นเส้นแช่น้ำให้นุ่ม                         150    กรัม หมูสับ                                             80      กรัม เห็ดหูหนูหั่นชิ้นเล็ก                         50      กรัม กะหล่ำปลีซอย                                80      กรัม แครอทซอย                                      30      กรัม ซีอิ๊ว น้ำปลา สำหรับปรุงรส น้ำมันสำหรับผัดและทอด แผ่นปอเปี๊ยะสำหรับห่อ ผักเครื่องเคียง เช่น ใบโหระพา กะหล่ำปลี   ส่วนผสมและวิธีทำน้ำจิ้ม พริกชี้แดงกรีดเม็ดออก 3 เม็ด กระเทียม 4-5 กลีบ ตำรวมกันให้ละเอียด น้ำส้มสายชู ¾ ถ้วย น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย เกลือป่น 2 ช้อนชา ผสมกับพริกที่ตำไว้ นำไปตั้งไฟให้งวด   วิธีทำเปาะเปี๊ยะ ผัดส่วนผสมวุ้นเส้นทั้งหมดให้เข้ากัน จนสุกนุ่ม ปรุงรส นำแผ่นปอเปี๊ยะมาห่อไส้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมยาว ทอดในน้ำมันร้อนท่วมจนสุก กินกับน้ำจิ้ม และผักสด    


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง

  ความเป็นมา บะหมี่เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวของจีนที่ทำจากแป้งสาลีผสมไข่ เส้นจึงมีสีเหลือง นุ่ม ส่วนผสม เช่น เกี๊ยว หมูแดง ก็ล้วนเป็นอาหารของจีน บะหมี่มาพร้อมกับคนจีนที่อพยพเข้ามาในเมืองไทยและเปิดร้านขาย มีทั้งขายในร้านคูหาเดียวหรือในภัตตาคาร ความอร่อยของเส้นหมี่ต้องนุ่มเหนียวไม่กระด้างหรือแข็งแม้เก็บไว้นาน เกี๊ยวกุ้งเนื้อกุ้งต้องเด้งกรอบ แผ่นเกี๊ยวแป้งต้องบางนุ่ม หมูแดงต้องหอมควันไฟและเนื้อนุ่ม   คุณค่าทางโภชนาการ บะหมี่หมูแดงส่วนผสมแต่ละชนิดมีคุณค่าอาหารในตัวเอง เช่น เส้นบะหมี่มีคาร์โบไฮเดรทและวิตามินต่างๆ จากแป้งสาลีและไข่  เกี๊ยวกุ้งมีวิตามินบี 12  ไอโอดีน และซิลีเนียมสูง มีแคลเซียมพอสมควร หมูแดงมีโปรตีนและวิตามินชนิดต่างๆ ส่วนผักใบเขียวมีเบต้าแคโรทีน จานนี้แม้ส่วนผสมจะมีอย่างละเล็กละน้อย แต่บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง 1 ชามให้พลังงาน 305 กิโลแคลอรี   ส่วนผสม บะหมี่                                  50      กรัม เกี๊ยวกุ้ง                                 4        ชิ้น หมูแดงหั่นบาง                     30      กรัม ผักกวางตุ้งลวก                    50      กรัม กระเทียมเจียว                       1        ช้อนโต๊ะ น้ำซุป วิธีทำ ลวกผักกวางตุ้งและเส้นบะหมี่ใส่ชามคลุกกับกระเทียมเจียวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เส้นติดกัน ลวกเกี๊ยวกุ้งใส่ วางหมูแดง ตักน้ำซุปราด กินร้อนๆ กับเครื่องปรุงตามชอบ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

ทอดมันปลากราย

  ความเป็นมา ทอดมันปลาเป็นอาหารไทยที่ใส่เครื่องแกงผสมลงในเนื้อปลาน้ำจืดอย่างปลากราย ซึ่งมีเนื้อละเอียด โดยการตำเนื้อปลาให้เหนียวคล้ายกับลูกชิ้น ใส่น้ำพริกแกงให้มีรสเผ็ด และหอมกลิ่นสมุนไพร ใส่ถั่วฝักยาวหรือถั่วพูหั่นบางให้มีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ ปั้นเป็นชิ้นกลมบางทอดจนสุกเหลือง กินกับน้ำจิ้มรสเผ็ดและเปรี้ยวหวาน   คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อปลากรายให้โปรตีนที่มีไขมันต่ำ มีวิตามินและเกลือแร่จากถั่วฝักยาวและถั่วพูพอประมาณ น้ำพริกแกงที่มีส่วนผสมของพริก ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม ช่วยทำให้ท้องไม่อืด และใบมะกรูดจะให้ความสดชื่น ไขมันได้จากน้ำมันที่ใช้ทอด ทอดมัน 3 ชิ้นให้พลังงาน 111 กิโลแคลอรี   ส่วนผสม เนื้อปลากรายขูด                           300    กรัม ถั่วพูหรือถั่วฝักยาวหั่นบางๆ          100    กรัม ใบมะกรูดหั่นฝอย                          5        กรัม น้ำพริกแกง                                   50      กรัม น้ำปลา                                          1        ช้อนโต๊ะ ไข่เป็ด                                        ½       ฟอง ส่วนผสมน้ำจิ้ม พริกชี้ฟ้าแดง 3 เม็ด (กรีดเม็ดออก) กระเทียมหั่นหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู ½ ถ้วย น้ำตาลทราย ½ ถ้วย เกลือป่น 1 ช้อนชา แตงกวา 6 ลูก (ผ่าสี่หั่นหนา) ผักชี ถั่วลิสงป่น   วิธีทำ ตำพริกกับกระเทียมให้ละเอียด ผสมกับน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือป่น นำไปตั้งไฟจนเดือดและงวดลง พักไว้ให้เย็น ใส่แตงกวา โรยถั่วลิสงป่น และผักชี   วิธีทำทอดมัน ตำหรือนวดเนื้อปลากรายให้เหนียว ใส่น้ำพริกแกง ไข่ ใบมะกรูด น้ำปลา นวดจนเข้ากันดี ปั้นเป็นชิ้นกลม ทอดในน้ำมันร้อนท่วมจนสุก    


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

ทอดมันกุ้ง

    ความเป็นมา ทอดมันกุ้งเป็นอาหารจีนที่ทั้งคนจีนและคนไทยนิยม เนื้อกุ้งหรือซีฟู้ดเป็นอาหารที่มีรสหวานอร่อยและให้โปรตีนสูง การนำกุ้งมาสับและทำให้เหนียวโดยใส่มันหมูเพื่อไม่ให้เนื้อกุ้งแข็งเกินไปเป็นเคล็ดลับการทำอาหารของจีน เช่นเดียวกับการชุบเกล็ดขนมปังก่อนทอดจะทำให้ผิวนอกกรอบและเนื้อในนุ่ม   คุณค่าทางโภชนาการ กุ้งเป็นอาหารทะเลที่มีวิตามินบี 12 สูงมาก ซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเซลล์ทุกเซลล์ ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและเยื่อหุ้มใยประสาทด้วย และมีไอโอดีนที่ช่วยป้องกันโรคคอพอก   ส่วนผสม กุ้งชีแฮ้แกะเปลือก                      ½       กก. มันหมูสับ                                     50      กรัม ไข่ขาว                                         1        ฟอง แป้งข้าวโพด                                 1        ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา                                       ½       ช้อนชา เหล้าเฉาชิง                                  1        ช้อนชา พริกไทยป่น เล็กน้อย เกล็ดขนมปังป่นสำหรับชุบทอด 1        ถ้วย น้ำมันสำหรับทอด วิธีทำ สับเนื้อกุ้งผสมกับมันหมูและส่วนผสมอื่น (ยกเว้นเกล็ดขนมปัง) นวดให้เข้ากัน แช่ตู้เย็นไว้ประมาณ 1 ชม. นำมานวดอีกครั้ง ปั้นเป็นชิ้นกลม คลุกเกล็ดขนมปัง ทอดในน้ำมันร้อนท่วม กินกับน้ำจิ้มบ๊วยรสเปรี้ยวหวาน    


เพิ่มเติม

อาหารภาคกลาง

ตะโก้

    ความเป็นมา ตะโก้เป็นขนมไทยที่ใช้แป้งข้าวเจ้า และแป้งถั่วเขียว มาผสมน้ำตาล และน้ำลอยดอกมะลิ ที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์หอมชื่นใจ กวนรวมกันให้มีเนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ และราดหน้าด้วยหัวกะทิรสเค็มมัน เนื้อสัมผัสนุ่มเนียนเหมือนวิปครีมของฝรั่ง ตะโก้จึงเป็นขนมยอดนิยมที่ขายดีในต่างประเทศ   คุณค่าทางโภชนาการ น้ำตาลซึ่งเป็นส่วนผสมหลักและรสชาติโดดเด่นในขนมหวาน จัดเป็นคาร์โบไฮเดรทเช่นเดียวกับแป้ง ในกระบวนการย่อยอาหารน้ำตาลต่างๆ จะเปลี่ยนเป็นกลูโคส ตะโก้มีส่วนผสมของกะทิที่หยอดหน้า ซึ่งมีไขมันอิ่มตัว แม้ว่าจะเป็นขนมชิ้นเล็กแต่ก็ไม่ควรกินมาก เกินไป นักโภชนาการแนะนำว่าวันหนึ่งไม่ควรกินน้ำตาลเกิน 6-8 ช้อนชา   ส่วนผสม แป้งข้าวเจ้า                                          1        ถ้วย แป้งมันสำปะหลัง                                 ½       ถ้วย แป้งถั่ว                                                  ¼       ถ้วย น้ำลอยดอกมะลิ                                    4        ถ้วย แห้ว /เผือกนึ่ง/ เม็ดบัวนึ่งหั่นชิ้นเล็ก    1        ถ้วย   ส่วนผสมน้ำเชื่อม น้ำ 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ถ้วย ส่วนผสมกะทิราดหน้า หัวกะทิ 1 ½ ถ้วย แป้งข้าวเจ้า ¾ ถ้วย เกลือ 1 ½ ช้อนชา ผสมรวมกัน ตั้งไฟจนข้น   วิธีทำ ผสมแป้งทั้ง 3 ชนิด นวดกับน้ำลอยดอกมะลิ โดยค่อยๆ ใส่น้ำทีละน้อยจนหมด นำไปตั้งไฟกวน  ค่อยๆ เติมน้ำเชื่อมไปเรื่อยๆ จนแป้งสุก ใส่แห้วจีน กวนจนข้นเหนียว ตักใส่กระทงและหยอดหน้ากะทิ    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire