SLider section

อาหาร 4 ภาค

อาหารภาคอีสาน

ไส้อ่อนย่าง

    ความเป็นมา ไส้อ่อนหมู เป็นเครื่องในที่นิยมนำมาประกอบอาหาร เพราะรสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม ยิ่งเคี้ยวยิ่งมีรสชาติ จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก การนำไส้อ่อนมาย่างยิ่งเพิ่มรสชาติให้ไส้อ่อนอร่อยมากยิ่งขึ้น   คุณค่าทางโภชนาการ ไส้อ่อนมีโปรตีน ช่วยซ่อมแซมร่างกายในส่วนที่สึกหรอกระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายส่วนผสม   ส่วนผสม ไส้อ่อน                    350    กรัม รากผักชี                   20      กรัม กระเทียม                   5        กรัม พริกไทยป่น              ½       ช้อนชา ซอสหอยนางรม         2 ½    ช้อนชา ซอสปรุงรส               2 ½    ช้อนชา ซีอิ้วขาว                   2 ½    ช้อนชา น้ำตาลทราย             ½       ช้อนชา เกลือป่น                    1        ช้อนชา ตะไคร้หั่น                   10      กรัม ใบมะกรูด                     3        ใบ   วิธีทำ โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยป่น ให้ละเอียด พักไว้ ต้มน้ำสะอาดใส่ตะไคร้ ใบมะกรูดและเกลือจนเดือดนำไส้อ่อนลงไปต้มประมาณ 45 นาทีเมื่อไส้อ่อนนิ่ม ตักขึ้นมาหั่นใส่ชามผสมไว้ ใส่รากผักชีกระเทียมพริกไทยที่โขลกไว้ และเครื่องปรุงทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากันหมักทิ้งไว้ 10-15 นาทีนำมาย่างด้วยไฟอ่อนๆ จนด้านนอกเปลี่ยนสี หั่นใส่จานทานกับน้ำจิ้มแจ่ว      


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ลาบทอด

  ความเป็นมา เมนูนี้เป็นเมนูดัดแปลงเพื่อเพิ่มเติมความอร่อยและความแปลกใหม่ให้กับเมนูลาบ โดยการนำเนื้อหมูมาคลุกส่วนผสมรสลาบแล้วนำไปทอด   คุณค่าทางโภชนาการ ส่วนผสมของลาบมีสรรพคุณที่หลากหลาย เช่นหอมแดง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงหัวใจผักชีฝรั่ง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ใบสะระแหน่ช่วยบำรุงสายตา คลายเครียด ต้นหอม ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด   ส่วนผสม หมูบด                     250    กรัม หอมแดงซอย           1/4     ถ้วย ผักชีซอย                   2        ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย                2        ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งซอย               2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                          4        ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว                        4        ช้อนโต๊ะ พริกป่น                             2        ช้อนชา ข้าวคั่ว                                2        ช้อนโต๊ะ แป้งอเนกประสงค์               2        ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช   วิธีทำ ใส่หมูบดลงในชามผสม ใส่เครื่องปรุง น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว ต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง หอมแดง แป้งอเนกประสงค์ จากนั้นคลุกเคล้าทั้งหมดให้เข้ากัน นวดหมูให้เครื่องปรุงซึมเข้าไปในเนื้อแล้วทิ้งไว้ 5-10 นาทีใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อน ปั้นหมูเป็นก้อนกลม ลงทอดในน้ำมันจนสุกทั่วทั้งก้อน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสิร์ฟคู่กับผักสดเครื่องเคียงเช่น ใบสะระแหน่ แตงกวา ถั่วฝักยาว      


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ผัดหมี่โคราช

    ความเป็นมา ผัดหมี่โคราช คืออาหารท้องถิ่นจากเมืองโคราชจังหวัดนครราชสีมา มีหน้าตาคล้ายกับผัดไทยในภาคกลาง ผัดหมี่โคราชเป็นที่นิยมเนื่องจากรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาทานที่ไหนไม่ได้ จึงเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนที่ผ่านไปผ่านมาที่เมืองโคราชแห่งนี้   คุณค่าทางโภชนาการ เส้นหมี่โคราช มีคาร์โบไฮเดรตให้พลังงานแก่ร่างกาย ถั่วงอก ต้นหอมให้วิตามิน น้ำมะขามเปียก ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส   ส่วนผสม เส้นหมี่โคราช                      120    กรัม กระเทียมสับ                       1        ช้อนชา หอมแดงซอย                      1        ช้อนโต๊ะ หมูสับ                               30      กรัม เต้าเจี้ยว                            1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                             2        ช้อนโต๊ะ น้ำตาล                              2        ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก                   1        ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วดำ                              1        ช้อนชา พริกไทย                            1        ช้อนชา น้ำสะอาด                          1        ถ้วย น้ำมันพืช                           2        ช้อนโต๊ะ ถั่วงอก ต้นหอมหั่นท่อน วิธีทำ ตั้งกระทะใส่น้ำมัน นำกระเทียม หอมแดง และหมูสับลงไปผัดให้หอม จากนั้นใส่เส้นหมี่โคราชลงไปใส่น้ำปลา น้ำตาล ซีอิ้วตำ น้ำมะขามเปียก เต้าเจี้ยว และน้ำสะอาด ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันกับเส้นเมื่อเส้นเริ่มนุ่มใส่ถั่วงอกและต้นหอมลงไปผัดให้เข้ากันเสิร์ฟใส่จานโรยหน้าด้วย พริกไทย ถั่งลิสงบดและพริกป่น    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ปากเป็ดทอด

    ความเป็นมา ปากเป็ดทอดเป็นอาหารที่ชาวอีสานนิยมรับประทานเป็นกับแกล้มหรือกินกับเหล้า ด้วยรสชาติที่เข้มข้นแม้จะไม่มีเนื้อมากนักแต่ก็เป็นที่ถูกใจของคนทานได้อย่างดี   คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อเป็ดมีโปรตีนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และยังมี ไขมัน และสารอาหารต่างๆ ช่วยในการรักษาปอดและไตให้ทำงานเป็นปกติ บำรุงโลหิต แก้ร้อนใน แก้อาการท้องเสีย รักษา อาการไอ เจ็บคอ ปวดฟัน และที่สำคัญ ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศอีกด้วย   ส่วนผสม ปากเป็ดสด               500    กรัม ซอสปรุงรส               1        ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วขาว                    1        ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น               1/2     ช้อนชา ผงปรุงรส                    1        ช้อนชา กระเทียมสับ               100    กรัม น้ำมันพืชสำหรับทอด เกลือ                             1/2     ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู                    1        ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ นำปากเป็ดคลุกเคล้ากับเกลือ ใช้มือถูให้ทั่ว จากนั้นเติมน้ำส้มสายชูล้างอีกครั้งเพื่อให้หมดกลิ่นสาบ นำไปล้างน้ำสะอาดพักให้สะเด็ดน้ำสับปากเป็ดตามยาวเป็นสองชิ้นใส่ชามผสมใส่ซอสปรุงรส  ซีอิ้วขาว  พริกไทยป่นและผงปรุงรส คลุกเคล้าให้เข้ากัน  ตั้งกระทะใส่น้ำมัน นำกระเทียมลงไปเจียวให้เหลืองแล้วช้อนขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันนำปากเป็ดลงไปทอด จนปากเป็ดกรอบและสีเหลืองสวย  ตักใส่จานและโรยกระเทียมเจียวที่เตรียมไว้    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ปลาส้ม

    ความเป็นมา ปลาส้มคือการถนอมอาหารอย่างหนึ่งของชาวอีสาน เพื่อเก็บรักษาเนื้อปลาที่เน่าเสียง่าย เอาไว้รับประทานได้นานๆ   คุณค่าทางโภชนาการ ปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่ให้โปรตีนที่ย่อยง่าย กระเทียมไทยช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย และช่วยลดคอเลสเตอรอล   ส่วนผสม ปลาตะเพียน             2        ตัว เกลือป่น                     2        ช้อนโต๊ะ กระเทียมบดหรือตำ    ½       ถ้วย ข้าวสุก                         1        ถ้วย   วิธีทำ ขอดเกล็ดปลาและควักไส้ออกจนหมด บั้งปลาข้างละสี่ถึงห้าบั้งนำข้าวสุกกระเทียมกับเกลือไปคลุกกับปลา นวดให้เข้ากันนำปลาที่ได้ใส่ภาชนะ กดตัวปลาให้แน่นและปิดฝา ทิ้งไว้ 1-5  วัน หรือจนกระทั่งปลามีรสเปรี้ยวจึงนำมาทอด


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ปลาดุกย่าง

    ความเป็นมา ปลาดุกเป็นปลาที่นิยมรับประทานกันมาก เนื่องจากราคาถูกและรสชาติอร่อย ปลาดุกย่างชาวอีสานนิยมรับประทานคู่กับข้าวเหนียวส้มตำเพราะเข้ากันดี และนอกจากนั้นยังถูกนำไปดัดแปลงเป็นเมนูอื่นๆอีกมากมาย   คุณค่าทางโภชนาการ ปลาดุกมีโปรตีนที่ย่อยได้ง่าย  สรรพคุณช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อและซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอไขมันที่มีอยู่ในเนื้อปลาเป็นส่วนประกอบของเซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะสมอง มีวิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยควบคุมการทำงานของร่างกายให้ทำหน้าที่ได้ตามปกติ   ส่วนผสม ปลาดุก ผ่าท้อง ควักไส้ออก               2        ตัว ตะไคร้ซอย                                  1/2     ถ้วยตวง ขมิ้น                                          5        กรัม กระเทียม                                    10      กรัม ซีอิ้วขาว                                      2        ช้อนโต๊ะ พริกไทยดำ                                  1/2     ช้อนชา   วิธีทำ นำตะไคร้ ขมิ้น กระเทียม และพริกไทยมาโขลกรวมกันให้พอแหลก ใส่ซีอิ้วขาว นำปลาดุกที่เตรียมไว้ลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง นำไม้มาเสียบปลาดุกตั้งแต่ปากถึงหาง นำขึ้นย่างบนเตาไฟจนสุกดีทั้ง 2 ด้าน ยกลงจากเตา เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว      


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ตำถาด

    ความเป็นมา ตำถาด คือส้มตำที่มีเครื่องเคียงต่างๆวางไว้ด้วยกัน โดยจัดไว้อยู่ในถาด หรือในภาชนะเดียวกัน เพื่อสะดวกในการรับประทานและเพิ่มรสชาติ เป็นส้มตำที่ดัดแปลงมาเพื่อให้ถูกใจคนที่ชื่นชอบการทานส้มตำ   คุณค่าทางโภชนาการ ส้มตำไทย เป็นอาหารสุขภาพ ที่เปี่ยมไปด้วยวิตามินเกลือแร่จากผัก และเครื่องปรุงต่างๆ เช่น มะละกอมีเอนไซน์ปาปีน ที่ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดี น้ำมะนาว มะเขือเทศ พริกขี้หนูมีวิตามินซีสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์ต่างๆจากเครื่องเคียงที่ใส่ลงไป   ส่วนผสม มะละกอดิบสับเป็นเส้น      100    กรัม มะเขือเทศ                         20      กรัม มะกอก                                10      กรัม ปูดอง                                   1        ตัว น้ำปลา                                  1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลาร้า                               2        ช้อนโต๊ะ มะนาว                                      1        ลูก กระเทียม                                  5        กรัม พริกขี้หนู                                   5        กรัม มะเขือเปราะ                             10      กรัม เครื่องเคียงตำถาด กุ้งต้มสุก                               100    กรัม ไข่ต้ม                                     1        ฟอง ไส้กรอกอีสานทอด                120    กรัม หมูยอ                                      1/2     ถ้วย แคบหมู                                    1/2     ถ้วย มะเขือเปราะ                             40      กรัม ผักสลัด ขนมจีน วิธีทำ โขลกกระเทียม พริกขี้หนูในครกให้พอแหลก ใส่ถั่วฝักยาวโขลกพอแหลกปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำมะนาว โขลกเบาๆ ใส่มะละกอ มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น ฝานมะกอกเป็นชิ้นบางใส่ลงโขลกเข้าด้วยกันจัดใส่ถาดไว้ตรงกลางแล้วนำเครื่องเคียงวางโดยรอบ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ต้มแซ่บซี่โครงหมู

    ความเป็นมา ต้มแซ่บเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในภาคอีสานอีกหนึ่งเมนู มีความคล้ายคลึงกับต้มยำในภาคกลางแต่จะใส่พริกป่นแทนพริกสด และเลือกใช้เนื้อสัตว์เช่นหมูและเนื้อวัวมากกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น รสชาติของต้มแซ่บจะไม่เปรี้ยวมาก เน้นความกลมกล่อมจากส่วนผสมต่างๆที่ใส่ลงไป   คุณค่าทางโภชนาการ ต้มแซ่บมีสรรพคุณมากมายจากสมุนไพรและผัก เช่นข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม บำรุงร่างกาย และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี เห็ดฟาง พริกขี้หนูและมะเขือเทศมีวิตามินซีสูง ผักชีฝรั่งช่วยแก้ท้องอืด ดับกลิ่นปาก   ส่วนผสม กระดูกหมูอ่อน ต้มแล้วหั่นเป็นชิ้น       350    กรัม เห็ดฟางผ่าครึ่ง                                    1/2     ถ้วย ตะไคร้หั่นท่อน                                     30      กรัม ข่าหั่นแว่น                                             10      กรัม มะเขือเทศสีดา                                     80      กรัม หอมแดง                                                40      กรัม น้ำปลา                                                    3        ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว                                                 3        ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูดฉีก                                             3        กรัม ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ                                     15      กรัม พริกขี้หนูแห้ง คั่ว                                       8        เม็ด พริกป่น                                                        1        ช้อนชา ผักชีเด็ดใบ                                                 10      กรัม วิธีทำ ตั้งหม้อใส่น้ำบนไฟกลาง ใส่หอมแดง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ต้มจนเดือด ใส่กระดูกหมู ต้มสักพักจนสุกนุ่ม ใส่เห็ดฟาง มะเขือเทศ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น ตักใส่ชามโรยหน้าด้วยผักชี ผักชีฝรั่ง พริกแห้งคั่ว    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ต้มโคล้งปลาดุกย่าง

    ความเป็นมา ต้มโคล้งจะคล้ายกับต้มยำ แตกต่างกันที่ต้มโคล้งเพิ่มการใส่น้ำมะขามเปียก และใส่เนื้อปลาเป็นหลัก รวมถึงใส่ใบกะเพราเพื่อเพิ่มความหอม   คุณค่าทางโภชนาการ ต้มโคล้งเป็นอาหารที่มีสรรพคุณหลากหลายจากสมุนไพร เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และใบกะเพรา ที่ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม บำรุงร่างกาย และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีหอมแดงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระบำรุงหัวใจผักชีฝรั่งช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง   ส่วนผสม ปลาดุกย่าง หั่นชิ้น                600    กรัม พริกขี้หนูสับ                        2        ช้อนโต๊ะ ตะไคร้หั่นท่อน                    30      กรัม ข่าหั่นแว่น                           10      กรัม มะเขือเทศสีดา                    40      กรัม หอมแดง                             20      กรัม ใบมะกรูดฉีด                       3        กรัม ผักชีฝรั่งซอย                       1        ช้อนโต๊ะ ใบกะเพรา                           10      กรัม น้ำมะขามเปียก น้ำปลา   วิธีทำ ตั้งหม้อใส่น้ำบนไฟกลาง ใส่หอมแดง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ต้มจนเดือด ใส่น้ำมะขามเปียกและน้ำปลา คนให้เข้ากัน ใส่ปลาดุกย่าง ต้มต่อให้เดือดใส่ใบมะกรูด ผักชีฝรั่ง และใบกะเพรา ต้มจนเดือดอีกครั้งตักใส่ชามเสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

แจ่วบอง

    ความเป็นมา แจ่วบองคือน้ำพริกซึ่งเป็นที่นิยมในภาคอีสาน เพราะสามารถทำได้ง่าย และเก็บรักษาไว้ได้นาน สามารถนำไปกินระหว่างการเดินทาง หรือเวลาพักจากการทำนาทำไร่   คุณค่าทางโภชนาการ แจ่วบองมีปลาร้าเป็นส่วนผสมหลัก มีโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งสมุนไพรต่างๆยังมีสรรพคุณหลากหลาย เช่น พริกขี้หนูมีวิตามินซี หอมแดง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงหัวใจข่ายังช่วยในระบบย่อยอาหารกระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย   ส่วนผสม ปลาร้าสับละเอียด      1        ถ้วย พริกแห้งเม็ดใหญ่        20      เม็ด พริกขี้หนูแห้ง            30      เม็ด กระเทียมจีน             40      กรัม หอมแดง                  80      กรัม ตะไคร้ซอย               60      กรัม ข่าอ่อนหั่นแว่น          10      กรัม น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว วิธีทำ นำพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง ข่าอ่อน คั่วจนสุกหอม นำลงโขลกพร้อมตะไคร้ซอยจนละเอียดนำปลาร้าสับละเอียดมาตำคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำมะนาว จัดใส่จานทานคู่กับผักสด      


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

คอหมูย่าง

    ความเป็นมา เนื้อหมูส่วนคอจะมีมันแทรกอยู่มาก จึงทำให้เนื้อหมูส่วนนี้ไม่เหนียว เมื่อนำมาหมักแล้วย่างจะมีรสชาติที่อร่อยเป็นอีกเมนูที่นิยมทานคู่กับข้าวเหนียวส้มตำ   คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อหมูมีโปรตีน ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง   ส่วนผสม เนื้อคอหมู                  300    กรัม นมข้นจืด                    10      ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส                5        ช้อนโต๊ะ ซอสหอยนางรม         2        ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น                1        ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ                  1        ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด                  5        ช้อนโต๊ะ เกลือ                         1        ช้อนชา รากผักชีบด               1        ช้อนชา   วิธีทำ นำเนื้อหมูมาคลุกเคล้ากับ นมข้นจืด ซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม พริกไทย น้ำตาลปี๊บ น้ำสะอาด เกลือ รากผักชี นวดให้ส่วนผสมเข้ากัน หมักทิ้งไว้ 2 ชั่วโมงนำมาย่างด้วยไฟอ่อนๆ ให้สุก นำมาหั่นใส่จานทานกับน้ำจิ้มแจ่ว    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ไข่กระทะ

  ความเป็นมา ไข่กระทะคืออาหารเช้าที่หาทานได้ในจังหวัดทางภาคอีสานที่มีชายแดนติดกับประเทศลาว เช่น อุบลราชธานี อุดรธานี เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารฝรั่งเศสในช่วงที่ประเทศลาว และเวียดนามยังอยู่ในอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส   คุณค่าทางโภชนาการ ไข่ไก่ อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆมากมายช่วยลดความดันโลหิต เป็นแหล่งโปรตีนที่เหมาะกับคนที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์เป็นอย่างมาก   ส่วนผสม ไข่ไก่                       2        ฟอง หมูสับรวน                20      กรัม กุนเชียง                   20      กรัม หมูยอ                       30      กรัม เนยสด                      1/2     ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย พริกไทยป่น   วิธีทำ ตั้งกระทะ ใส่เนยสด จากนั้นตอกไข่ใส่ในกระทะ รอจนไข่สุกประมาณครึ่งหนึ่ง ใส่หมูสับ กุนเชียง หมูยอ เมื่อไข่สุกยกออกจากเตา โรยหน้าด้วยต้นหอมและพริกไทยป่น      


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ข้าวเม่าคลุกมะพร้าว

  ความเป็นมา ข้าวเม่า คือข้าวที่ได้มาจากรวงข้าวสีเขียวที่ยังไม่แก่จัด เนื่องจากในภาคอีสานนิยมปลูกข้าวกันมาก จึงหาข้าวเม่ารับประทานได้ไม่ยาก และมีการนำข้าวเม่ามาประกอบอาหารหลากหลาย อีกทั้งยังทำเป็นขนมและของว่างได้อีกด้วย   คุณค่าทางโภชนาการ ข้าวเม่ามีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆที่ร่างกายต้องการ เช่นแคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม และไอโอดีน   ส่วนผสม ข้าวเม่าข้าวเหนียว               100    กรัม น้ำตาลทราย                        50      กรัม มะพร้าวขูดแล้วนึ่งสุก            1        ถ้วยตวง เกลือ                                      1/4     ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด                               2        ถ้วยตวง   วิธีทำ ตั้งน้ำสะอาดให้เดือด ใส่เกลือคนจนเกลือละลายดี ยกลง ทิ้งไว้ให้เย็นนำน้ำเกลือไปพรมใส่ข้าวเม่าทีละนิดและคลุกจนข้าวเม่านิ่ม จากนั้นจึงใส่มะพร้าวขูดลงไปคลุกให้เข้ากันตักข้าวเม่าคลุกใส่จาน โรยหน้าด้วยมะพร้าว และน้ำตาล    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ข้าวต้มมัด

ความเป็นมา ข้าวต้มมัดหรือ ข้าวต้มผัด เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำด้วยข้าวเหนียวผัดกับกะทิ แล้วนำไปห่อด้วยใบตองหรือใบมะพร้าวอ่อน ใส่ไส้กล้วย นำไปนึ่งให้สุกสมัยก่อนนิยมรับประทานกันในงานบุญต่างๆ   คุณค่าทางโภชนาการ กล้วยน้ำว้ามีประโยชน์ เช่นแก้โรคกระเพาะได้ดีเนื่องจากมีสารเทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการเคลือบรักษากระเพาะและลำไส้ป้องกันการติดเชื้อ และยังมีฤทธิ์ในการช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี   ส่วนผสม ข้าวเหนียวเขี้ยวงูใหม่                     800    กรัม กล้วยน้ำว้าสุกลูกละ 80 กรัม            10      ผล ถั่วดำนึ่งสุก                                      100    กรัม น้ำตาลทราย                                     100    กรัม เกลือป่น                                             1        ช้อนชา กะทิ                                                    3        ถ้วย ใบตองสำหรับห่อ   วิธีทำ ตั้งกะทิในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง รอจนเดือดจึงใส่เกลือ น้ำตาลทราย และข้าวเหนียว ลดไฟลง ผัดจนส่วนผสมเข้ากัน จนเริ่มแห้งปิดไฟ พักไว้ให้เย็นฝานกล้วยเป็นชิ้น 3 ส่วน จากนั้น วางข้าวเหนียวผัดบนใบตองใส่กล้วยตรงกลาง และใส่ข้าวเหนียวปิดหน้า โรยด้วยถั่วดำนึ่งสุก ห่อให้แน่นและมัดด้วยตอกนำข้าวต้มมัดเรียงใส่ซึ้ง นึ่งด้วยไฟแรงประมาณ 20 นาทีจนสุก ปิดไฟยกลงจัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ข้าวจี่

    ความเป็นมา ข้าวจี่เป็นอาหารพื้นบ้านที่นิยมรับประทานกันทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือ เพราะทั้งสองภาคนี้นิยมทานข้าวเหนียวเป็นหลัก คนอีสานจึงนำข้าวเหนียวมาปิ้ง กลายเป็นข้าวจี่อาหารว่างที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย   คุณค่าทางโภชนาการ ข้าวเหนียวมีคาร์โบไฮเดรตช่วยให้ร่างกายอบอุ่น อีกทั้งยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆที่ร่างกายต้องการ เช่นธาตุเหล็ก และกรดโฟลิค มีสรรพคุณในการสร้างเม็ดเลือด ทำให้เม็ดเลือดสมบูรณ์   ส่วนผสม ข้าวเหนียวนึ่ง            500    กรัม กะทิ                           1/2     ถ้วย ไข่ไก่                          2        ฟอง เกลือ                           1/2     ช้อนชา   วิธีทำ ผสมกะทิและเกลือ ใส่ลงในชามข้าวเหนียว นวดให้เข้ากันปั้นข้าวเหนียว แล้วเสียบไม้นำไปย่างไฟอ่อนๆ ให้เกรียมเล็กน้อยพักไว้จากนั้นตีไข่ไก่ให้เข้ากัน นำข้าวจี่ชุบไข่นำไปย่างไฟอ่อนๆ อีกครั้ง ให้เป็นสีเหลืองสวย    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

ไก่บ้านทอดเกลือ

    ความเป็นมา ไก่บ้านทอดเกลือเป็นอีกเมนูที่ดัดแปลงนำไก่บ้านที่มีเนื้อแน่น ไขมันน้อย มาหมักกับเกลือและสมุนไพรเพื่อเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี   คุณค่าทางโภชนาการ ไก่บ้านมีโปรตีน ช่วยซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ เกลือมีสารไอโอดีนช่วยป้องกันโรคคอหอยพอก   ส่วนผสม ไก่บ้าน                     2        กิโลกรัม เกลือสมุทร               100    กรัม ตะไคร้สับ                 100    กรัม น้ำมันพืช   วิธีทำ นำไก่บ้านมาคลุกเคล้ากับเกลือและตะไคร้ หมักไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 คืนตั้งกระทะใส่น้ำมัน นำไก่บ้านที่ล้างเกลืออกแล้วผึ่งจนแห้งลงทอดให้สุกเหลืองกรอบ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

แกงเปรอะ

    ความเป็นมา แกงเปรอะ หรือแกงลาว เป็นแกงยอดนิยมทางภาคอีสาน มีรสชาติอร่อยสไตล์อีสาน เป็นเมนูรวมวัตถุดิบที่ให้คุณค่าทางสารอาหารมากมาย เช่น ใบย่านาง หน่อไม้และผักต่างๆ   คุณค่าทางโภชนาการ แกงเปรอะมีสรรพคุณหลากหลาย เช่น น้ำใบย่านางช่วยเสริมสร้างภูมิต้านโรคในร่างกายให้แข็งแรงหน่อไม้มีเส้นใยอาหารจำนวนมากจึงทำให้ช่วยระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดีนอกจากนั้นเห็ดฟางและพริกขี้หนูมีวิตามินซีสูง ใบแมงลักมีฤทธิ์ช่วยขับลมในลำไส้ได้อย่างดี   ส่วนผสม หน่อไม้ต้ม                          500    กรัม น้ำใบย่านาง                       4        ถ้วย พริกขี้หนูแดง                      10      กรัม ใบแมงลักเด็ด                      1/2     ถ้วย ต้นหอมหั่น                         1/2     ถ้วย ชะอมเด็ด                           1/2     ถ้วย ข้าวเบือ                              3        ช้อนโต๊ะ เห็ดฟางหั่น                        1/2     ถ้วย ยอดฟักทองเด็ด                 1/2     ถ้วย น้ำปลา                                 3        ช้อนโต๊ะ น้ำปลาร้า                              3        ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ โขลกพริกขี้หนูสดหยาบๆ พักไว้ต้มน้ำใบย่านางให้เดือด ใส่พริกโขลก หน่อไม้ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า ใส่ใบแมงลัก ชะอม เห็ดฟาง ยอดฟักทอง ต้นหอม ข้าวเบือ ต้มพอเดือดยกลงตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

อาหารภาคอีสาน

กะหรี่ปั๊บไส้ไก่

ความเป็นมา กะหรี่ปั๊บคือของว่างซึ่งเป็นที่นิยมซื้อฝากและรับประทานกัน และเป็นของดีขึ้นชื่อประจำจังหวัดสระบุรี ไส้กะหรี่ปั๊บรสชาติดั่งเดิมจะเป็นรสจากผงกระหรี่ที่ใส่ลงไป จึงมีชื่อเรียกว่าcurry puff แต่มีการเรียกชื่อผิดเพี้ยนมาเป็นชื่อกะหรี่ปั๊บในปัจจุบัน   คุณค่าทางโภชนาการ ในไส้กะหรี่ปั๊บ ผงกะหรี่ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม และขับปัสสาวะ มีเนื้อไก่ที่ให้โปรตีนที่มีประโยชน์ มีผักที่ให้วิตามินต่าง เช่น หอมใหญ่ มันฝรั่ง   ส่วนผสมแป้งชั้นนอก แป้งสาลีอเนกประสงค์           5        ถ้วยตวง น้ำปูนใส                            1/2     ถ้วยตวง เนยขาว                             100    กรัม น้ำตาลทราย                       3        ช้อนโต๊ะ เกลือป่น                            3/4     ถ้วยตวง วิธีทำ ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์พักไว้ละลายน้ำตาลทรายและเกลือป่นลงในน้ำเย็นเทลงในแป้งสาลี เติมน้ำปูนใสและเนยขาว นวดให้เนียน พักแป้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ตัดแป้งเป็นก้อนก้อนละ 45 กรัม นำไปหุ้มแป้งชั้นใน   ส่วนผสมแป้งชั้นใน แป้งสาลีอเนกประสงค์           2        ถ้วยตวง เนยขาว                             100    กรัม วิธีทำ ร่อนแป้งสาลีแล้วทำเป็นบ่อตรงกลาง ใส่เนยขาวนวดให้เข้ากันเป็นก้อน แบ่งเป็นก้อนก้อนละ 15 กรัม สำหรับทำแป้งชั้นใน     สวนผสมไส้ไก่ เนื้อไก่สับหยาบ                  300    กรัม หอมใหญ่หั่น                       200    กรัม มันฝรั่งสุกหั่น                       500    กรัม ซอสปรุงรส                          2        ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น                         1        ช้อนชา ผงกะหรี่                              1        ช้อนชา น้ำตาลทราย                       7        ช้อนโต๊ะ เกลือป่น                               1 1/2 ช้อนชา เนยสด                                  3        ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด วิธีทำ ตั้งกระทะใส่เนย นำหอมใหญ่ลงผัดพอสุก ใส่เนื้อไก่และมันฝรั่ง ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส พริกไทยป่น ผงกระหรี่ น้ำตาลทรายและเกลือป่น ผัดให้เข้ากัน พักให้เย็น   ขั้นตอนการทำกะหรี่ปั๊บไส้ไก่ แบ่งแป้งชั้นในและชั้นนอกให้ได้จำนวนก้อนเท่ากัน นำแป้งชั้นนอกหุ้มแป้งชั้นในคลึงแป้งครั้งที่ 1 แล้วม้วนแป้งคลึงแป้งครั้งที่ 2 แล้วม้วนแป้งตัดแป้งเป็น 2 หรือ 3 ท่อนคลึงแป้งให้เป็นแผ่นบางพอประมาณนำไส้ที่ผัดแล้วมาใส่ในแป้งที่คลึงเป็นแผ่นห่อไส้ให้มิด แล้วจับขลิบเป็นแบบวงรี นำลงทอดก่อนรับประทาน    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire