SLider section

แกงคั่วกระดูกหมูอ่อน

ภาค ใต้

  • recipe image cover

แกงคั่วกระดูกหมูอ่อน

ความเป็นมา

          กระดูกหมูอ่อนเป็นเนื้อส่วนซี่โครงที่ติดกระดูกอ่อน เวลาเคี้ยวจะกรุบกรับ นุ่ม ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย ซึ่งคนนิยมนำมาทำอาหารทั้งทอด ต้ม แกง เมนูนี้นำมาแกงใส่น้ำพริกแกงใต้ที่มีรสเผ็ดร้อน เข้มข้น เป็นจานอร่อยอย่างอาหารใต้อีกจาน

 

คุณค่าทางโภชนาการ

          กระดูกหมูให้โปรตีนเหมือนกับเนื้อหมู แต่มีไขมันมากกว่าส่วนเนื้อเพราะมีไขมันแทรกอยู่ เนื้อจึงนุ่ม น้ำพริกแกงใต้มีส่วนผสมของขมิ้นที่ช่วยรักษาโรคท้องอืดและช่วยย่อยอาหาร สมุนไพร เช่น พริก ใบมะกรูดที่มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยแก้วิงเวียนศีรษะได้อย่างดี

 

ส่วนผสม

กระดูกหมูอ่อนสับเป็นชิ้น                350    กรัม

น้ำพริกแกงใต้                                 ¼       ถ้วย

ใบมะกรูดหั่นฝอย                             5        ใบ

น้ำมันพืช                                           2        ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา                                               3        ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย                                      1        ช้อนชา

น้ำ

 

วิธีทำ

ผัดน้ำพริกแกงกับน้ำมันพอหอม ใส่กระดูกหมูผัดรวมกับพริกแกงสักครู่ ค่อยๆ เติมน้ำ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนกระดูกหมูนุ่มน้ำขลุกขลิก ปรุงรส ใส่ใบมะกรูดซอย รับประทานกับผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว

ภาค กลาง

กระเพาะปลา

    ความเป็นมา กระเพาะปลาเป็นอาหารจีนอีกชนิดที่มาพร้อมกับคนจีนที่มีฐานะ จัดเป็นอาหารชั้นสูงราคาแพง แต่เดิมมีขายเฉพาะในภัตตาคารก่อนที่จะแพร่หลายและมีขายทั่วไป กระเพาะปลาทำจากกระเพาะปลาตากแห้งและนำไปทอด ก่อนที่จะนำไปตุ๋นให้นุ่มในน้ำซุปจากหมูและไก่ ซึ่งต้องเคี่ยวและใช้เวลานานกว่าจะนุ่ม ในปัจจุบันมีการใส่หน่อไม้ และเลือดไก่ เป็นส่วนผสมที่คนไทยใส่เพิ่มไปซึ่งแตกต่างจากของจีน   คุณค่าอาหาร กระเพาะปลาเป็นอาหารสุขภาพของจีนจัดอยู่ในประเภท “อาหารโป๊ว”  ที่บำรุงร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะเมือกที่หุ้มกระเพาะปลาอยู่เวลาต้มแล้วจะทำให้น้ำซุปหนืดๆ ถือว่าช่วยรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้อย่างดี กระเพาะปลา 1 ชามให้พลังงาน 150 กิโลแคลอรี   ส่วนผสม กระเพาะปลาแห้ง                200    กรัม เลือดไก่                               100    กรัม เนื้อไก่หั่นชิ้นเล็ก                  250    กรัม ไข่นกกระทาต้มสุก               10      ฟอง หน่อไม้หั่น                             100    กรัม ซอสปรุงรส ซีอิ๊ว น้ำมันหอย แป้งมันผสมน้ำเล็กน้อย โครงไก่ กระดูกไขสันหลังหมู รากผักชี สำหรับทำน้ำซุป เครื่องปรุงรส พริกน้ำส้ม ซอสเปรี้ยวของจีน (จิ๊กโฉ่ว ) พริกไทย   วิธีทำ ล้างกระเพาะปลาโดยแช่น้ำให้นุ่ม บีบให้แห้ง นำไปผัดกับขิงและเหล้าจีนให้พอหอมและหมดกลิ่นหืน นำไปต้มอีกครั้งบีบให้แห้ง จากนั้นทำน้ำซุปโดยต้มโครงกระดูกไก่ กระดูกหมู ด้วยไฟอ่อน จนน้ำซุปใสได้ที่ กรองน้ำซุป นำไปต้มกระเพาะปลา เนื้อไก่ หน่อไม้ เลือดไก่ ต้มจนทุกอย่างสุกนุ่ม ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊ว น้ำมันหอย ใส่แป้งมันละลายน้ำพอให้ข้นเหนียว ตักใส่ชามโรยผักชี พริกไทยป่น เติมพริกน้ำส้ม ซอสเปรี้ยวตามชอบ    


เพิ่มเติม

ภาค ใต้

ผัดสะตอหมูกุ้ง

ความเป็นมา อาหารที่นำผักท้องถิ่นของภาคใต้มาผัดกับเนื้อหมู กุ้ง ใส่กะปิให้มีรสเค็ม และมีกลิ่นหอมจากหอมแดง กระเทียม ใช้เทคนิคการผัดกับน้ำมันโดยใช้ไฟร้อนเหมือนกับการผัดทั่วไป นับเป็นอาหารที่แพร่หลายในหลายภูมิภาค ไม่ใช่เฉพาะในภาคใต้เท่านั้น   คุณค่าทางโภชาการ เม็ดสะตอเนื้อนุ่มกรอบ รสมัน มีกลิ่นรุนแรง จะกินสดหรือผัดให้สุกก็ได้ สะตอเป็นผักที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง สะตอ 20 เม็ดให้พลังงานพอๆ กับขนมปัง 2 แผ่น และยังอุดมไปด้วยโปรตีน สะตอ 100 กรัมให้พลังงาน  130  กิโลแคลอรี  โปรตีน 8 กรัม คาร์โบไฮเดรท 15.5 กรัม แคลเซียม 76 มิลลิกรัม และฟอสฟอรัส 83 มิลลิกรัม   ส่วนผสม เนื้อหมูหั่นบาง               300 กรัม กุ้งแชบ๊วย                     300 กรัม สะตอ                           ½    ถ้วย น้ำมันสำหรับผัด            2     ช้อนโต๊ะ กะปิ                                1     ช้อนโต๊ะ กระเทียม                       10   กรัม หอมแดง                        40   กรัม น้ำปลา                            2     ช้อนชา เกลือ                               ½    ช้อนชา พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ          1     เม็ด    


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

แกงเขียวหวานเนื้อ

ความเป็นมา แกงกะทิที่ใช้พริกชี้ฟ้าเขียวแทนพริกแดงในส่วนผสมพริกแกงจึงทำให้มีสีเขียว และยังมีลูกผักชี ยี่หร่า ซึ่งเป็นเครื่องเทศของชาวอาหรับหรืออินเดีย รวมไปถึงการใช้เนื้อวัวที่คล้ายกับอาหารของชาวมุสลิม แสดงให้เห็นว่าแกงเขียวหวานเป็นแกงที่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างชาติ และคนไทยก็นำมาปรุงแต่งให้มีเอกลักษณ์จนเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ คุณค่าทางโภชนาการ แกงกะทิจานนี้ได้โปรตีนสูงจากเนื้อวัวที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ และแร่ธาตุที่มีประโยชน์โดยเฉพาะธาตุเหล็กและสังกะสีที่จำเป็นต่อร่างกาย ส่วนกะทิที่เป็นไขมันอิ่มตัวก็สมดุลด้วยสมุนไพรที่มีอยู่ในเครื่องพริกแกง มะเขือพวงมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยให้เหงือกและฟันแข็งแรง  มะเขือพวง 100 กรัม มีแคลเซียม 158 มิลลิกรัม และฟอสฟอรัส 110 มิลลิกรัม ส่วนผสม กะทิ                                         4     ถ้วย น้ำพริกแกงเขียวหวาน            ½    ถ้วย เนื้อหั่นบาง                              300 กรัม มะเขือเปราะ                            100 กรัม มะเขือพวง                               20   กรัม น้ำปลา                                     3     ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ                                 1     ช้อนโต๊ะ ใบโหระพา                                50   กรัม พริกชี้ฟ้าเขียวหั่นแฉลบสำหรับโรยหน้า ส่วนผสมเครื่องพริกแกงเขียวหวาน พริกชี้ฟ้าเขียวกรีดเม็ดออก 11 เม็ด ตะไคร้ซอยบาง  ¼ ถ้วย หอมแดงซอย ¼ ถ้วย กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนชา รากผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนชา พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา กะปิ 1 ช้อนชา ลูกผักชีคั่ว 4 ช้อนชา ยี่หร่าคั่ว 2 ช้อนชา ตำหรือปั่นทุกอย่างรวมกันจนละเอียด ถ้าต้องการให้มีสีเขียวเข้มสวยใส่ใบพริกลงไปตำด้วย วิธีทำ ผัดพริกแกงกับกะทิให้มีกลิ่นหอม อาจจะต้องผัดนานเล็กน้อยเพื่อทำให้เครื่องแกงสุก และไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว จากนั้นนำเนื้อลงไปผัดให้พอสุก ใส่กะทิและน้ำซุปเล็กน้อย ตั้งจนเดือดและมีกลิ่นหอม ใส่มะเขือเปราะ และมะเขือพวง ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ เมื่อเดือดอีกครั้งให้ใส่ใบโหระพา ตักขึ้นเสิร์ฟร้อนๆ


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire