SLider section

แกงขนุน

ภาค เหนือ

  • recipe image cover

แกงขนุน

ความเป็นมา

แกงขนุน หรือ แกงบ่าหนุน แต่ก่อนนิยมทำในงานบุญ เพราะชื่อที่เป็นมงคล หมายความไปถึงการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน

 

คุณค่าทางโภชนาการ

ขนุนอ่อน เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากโปรตีน ไขมัน และกากใยอาหาร อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังให้สารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงอีกด้วย

 

ส่วนผสม

ซี่โครงหมูอ่อนหั่นท่อน                     300    กรัม

ขนุนอ่อนหั่นชิ้น                                500    กรัม

มะเขือส้มบุบพอแตก                        200    กรัม

ชะอมเด็ด                                           50      กรัม

น้ำปลา                                                3       ช้อนโต๊ะ

น้ำสะอาด                                           5      ถ้วยตวง

ส่วนผสมพริกแกง

พริกแห้งเม็ดใหญ่                           8        เม็ด

เกลือป่น                                          1        ช้อนชา

ข่าหั่นละเอียด                                1        ช้อนโต๊ะ

กระเทียมซอย                                3        ช้อนโต๊ะ

หอมแดงซอย                                 4        ช้อนโต๊ะ

ปลาร้าสับ                                       1        ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด พักไว้ เติมน้ำสะอาดในหม้อขึ้นตั้งไฟกลาง  ใส่ซี่โครงหมูอ่อนลงไปต้มจนสุก ใส่พริกแกงลงไปละลายให้เข้ากัน ต้มต่อจนน้ำเดือดอีกครั้ง ใส่ขนุน มะเขือส้ม ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมรส ก่อนเสิร์ฟให้เร่งไฟแรง ใส่ชะอม ต้มพอให้ชะอมสลด ตักขึ้นเสิร์ฟร้อนๆ

ภาค เหนือ

แกงผักหวาน

ความเป็นมา ผักหวานสามารถหารับประทานได้ง่ายในภาคเหนือ ชาวล้านนาที่นิยมทานผักอยู่แล้วจึงนำมาดัดแปลงให้เป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อย   คุณค่าทางโภชนาการ ผักหวานเป็นผักที่มีรสหวานเย็น จึงช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีโปรตีน และวิตามินซี อีกทั้งยังมีปริมาณของเส้นใยอาหารอยู่พอสมควร จึงช่วยในการขับถ่ายได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งปลาแห้งมีโปรตีนที่สามารถย่อยได้ง่ายอีกด้วย   ส่วนผสม ปลากรอบ                          1        ถ้วย ผักหวาน                            200    กรัม มะเขือเทศลูกเล็ก             30      กรัม วุ้นเส้น                               50      กรัม น้ำซุป                               3        ถ้วย ส่วนผสมพริกแกง พริกแห้ง                            3       เม็ด หอมแดง                           30     กรัม กระเทียม                          10      กรัม กะปิ                                    1       ช้อนชา ปลาร้าสับ                           1       ช้อนชา วิธีทำ ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด นำไปละลายกับน้ำซุปแล้วนำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่ปลากรอบ และมะเขือเทศลงต้มจนเดือด จากนั้นใส่ผักหวานต้มจนผักสุกนุ่ม ใส่วุ้นเส้น เมื่อเดือดอีกครั้งยกลง ตักเสิร์ฟร้อนๆ


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

แกงมัสมั่นไก่

ความเป็นมา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานความว่า “มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง” จึงทราบได้ว่า แกงมัสมั่นได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย เพราะมีส่วนผสมเครื่องเทศที่ขาดไม่ได้อย่าง ลูกผักชี ยี่หร่า ลูกจัน ดอกจันทน์ เม็ดกระวาน กานพลู ซึ่งให้กลิ่นรสที่ร้อนแรง ในตำรับอินเดียจะใช้เฉพาะเครื่องเทศแห้งและไม่ใส่กะทิ แต่ตำรับของไทยมีการใช้สมุนไพรสดในพริกแกง และมีการปรุงรสให้ออกเค็ม หวาน มัน และถูกจัดให้เป็นอาหารอร่อยอันดับ 1 ของโลก โดยเว็บไซต์ ซีเอ็น เอ็น โก เมื่อไม่นานมานี้ คุณค่าทางโภชนาการ แกงมัสมั่นแม้จะเป็นแกงกะทิและมีเนื้อสัตว์มาก แต่เมื่อรับประทานแล้วก็ไม่ได้ทำให้แน่นหรืออิ่มท้องเกินไป เพราะมีเครื่องเทศที่นอกจากช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์และทำให้มีกลิ่นหอมชวนกินแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยลดอาการท้องอืดและช่วยย่อย เช่น อบเชย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ คลื่นไส้ ยี่หร่าช่วยขับลม ขับเสมหะ กานพลูแก้อาการปวดท้อง จุกเสียด  พริกไทยช่วยย่อยอาหาร สบายท้อง ลูกจันทน์ช่วยแก้ไข้ บำรุงตับ ปอด ลดไขมันในเลือด ลูกกระวานแก้อาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และด้วยรสชาติที่กลมกล่อมยังทำให้ทานง่าย สบายท้องอีกด้วย ส่วนผสม กะทิ                                         5     ถ้วย ไก่สับชิ้นใหญ่                            500 กรัม มันฝรั่งหัวเล็ก                             400 กรัม หอมหัวใหญ่หัวเล็ก                     500 กรัม ลูกกระวาน                                10   เม็ด อบเชยยาว 2 นิ้ว                         1     แท่ง ถั่วลิสงคั่ว                                  ¾    ถ้วย น้ำปลา                                     4     ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ                                 3     ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก                           4     ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมเครื่องน้ำพริก พริกแห้งกรีดเม็ดออกแช่น้ำจนนุ่ม 11 เม็ด หอมแดง ½ ถ้วย กระเทียม ½ ถ้วย รากผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอยบาง ¼ ถ้วย กะปิ 1 ช้อนชา พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ ลูกจันทน์ ดอกจัน กานพลู เม็ดกระวานอย่างละ ½ ช้อนชา ลูกผักชี 2 ช้อนโต๊ะ ยี่หร่า 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ นำเครื่องแกงมัสมั่นไปผัดกับกะทิให้หอม ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้พอสุก จากนั้นเติมกะทิ ใส่อบเชย ลูกกระวาน ต้มเคี่ยวจนเดือดและกะทิเริ่มแตกมัน ใส่มันฝรั่ง หอมใหญ่ ถั่วลิสง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก ตั้งเคี่ยวต่อให้งวดลงเล็กน้อย และมันฝรั่งสุกดี ตักเสิร์ฟ


เพิ่มเติม

ภาค เหนือ

ผักกาดจอ

ความเป็นมา ผักกาดจอหรือจอผักกาด เป็นอาหารที่ใช้ผักกวางตุ้งที่กำลังออกดอกในการปรุง นิยมรับประทานกันแพร่หลายในทุกจังหวัดของภาคเหนือ สูตรผักกาดจอมีความแตกต่างกันออกไปตามท้องถิ่น   คุณค่าทางโภชนาการ ผักกวางตุ้งมีแคลเซียมสูงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยบำรุงและรักษาสายตา เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง   ส่วนผสม ผัดกาดกวางตุ้งหั่นท่อน                    2        กิโลกรัม กระดูกซี่โครงหมู หั่นเป็นชิ้น              1/2     กิโลกรัม หอมแดง                                     30      กรัม กระเทียม                                    20      กรัม กระเทียมสับ                                2        ช้อนโต๊ะ กะปิ                                            1        ช้อนโต๊ะ ปลาร้าสับ                                    1        ช้อนโต๊ะ เกลือ                                          1        ช้อนโต๊ะ มะขามเปียก                                1        ถ้วย น้ำมันพืช                                    3        ช้อนโต๊ะ พริกแห้งทอด                               5        เม็ด วิธีทำ ตั้งน้ำสะอาดจนเดือด ใส่ซี่โครงหมูลงไปต้มจนนุ่ม โขลกกระเทียม หอมแดง กะปิ เกลือ ปลาร้าสับ ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นใส่ลงไปในหม้อต้มรอจนเดือดอีกครั้ง ใส่ผักกวางตุ้งลงไป ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก ชิมรส ตั้งจนเดือดอีกครั้งปิดไฟ จากนั้นนำกระเทียมสับไปเจียวให้เหลืองหอม โรยหน้าพร้อมพริกแห้ง    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire