SLider section

ขนมจีนน้ำยา

ภาค กลาง

  • recipe image cover
  • recipe image cover
  • recipe image cover

ขนมจีนน้ำยา

ความเป็นมา

ขนมจีนน้ำยาเป็นอาหารที่สันนิษฐานว่าไทยรับมาจากมอญ ซึ่งในอดีตจัดเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ชาติหนึ่งในสุวรรณภูมิ พม่าซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านก็มีอาหารจานนี้แต่จะใส่หยวกกล้วยลงไปด้วยเพื่อทำให้น้ำยาข้นขึ้น แต่คนไทยนิยมกินเนื้อปลามากกว่า จึงใส่เฉพาะเนื้อปลาที่ตำละเอียดใส่ลงไป และใส่ปลาเค็มเพื่อให้มีกลิ่นหอมและรสเค็มกลมกล่อม

 

คุณค่าทางโภชนาการ

ขนมจีนน้ำยาเป็นอาหารจานเดียวที่ครบหมู่ เพราะมีคาร์โบไฮเดรตจากขนมจีน โปรตีนจากเนื้อปลา และมีวิตามินจากผักสดต่างๆ ที่กินเป็นเครื่องเคียง และมีกากใยอาหารอย่างดีที่ช่วยระบบขับถ่าย นอกจากสมุนไพรต่างๆ ที่ช่วยขับลมแล้ว ยังใส่กระชายเพื่อดับกลิ่นคาวของปลา  ซึ่งมีสรรพคุณช่วยชะลอความแก่ มีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค

 

ส่วนผสม

ขนมจีน                                     1     กิโลกรัม

น้ำพริกแกงเผ็ดไม่ใส่เครื่องเทศ     ½    ถ้วย

กระชายขูดหั่นชิ้นเล็กๆ                ½    ถ้วย

ปลาช่อนหรือปลาเนื้อขาวต้มสุกแกะเฉพาะเนื้อ     2     ถ้วย

ปลาเค็มปิ้งแกะเฉพาะเนื้อ             ½    ถ้วย

กะทิ                                         4     ถ้วย

น้ำต้มปลาเคี่ยว                          1     ถ้วย

น้ำปลา

ผักเครื่องเคียง ใบแมงลัก ถั่วงอก มะระหั่นชิ้นบาง

วิธีทำ

ผัดน้ำพริกแกงกับกะทิเล็กน้อยพอให้หอม ใส่เนื้อปลา และปลาเค็มปิ้งลงไปผัดให้เข้ากัน ใส่กระชายผัดให้มีกลิ่นหอม ใส่กะทิลงไปคนให้เนื้อปลาละลายไปกับน้ำกะทิ เติมน้ำต้มปลา ปรุงรส ตั้งไฟให้เดือด นำไปราดลงบนขนมจีน เสิร์ฟคู่ผักเคียง

ภาค กลาง

ผัดไทย

ความเป็นมา อาหารที่เล่ากันว่าคนไทยคิดขึ้นมาเพื่อแข่งกับผัดซีอิ๊วของจีน และเป็นอาชีพที่อยากให้คนไทยรู้จักค้าขายในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม จึงมีลักษณะจีนปนไทยเพราะเส้นก๋วยเตี๋ยวและเทคนิคการผัดเส้นไฟแรงหอมกระทะเป็นเทคนิคการทำอาหารของจีน แต่มีการปรุงรสให้เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวานอย่างไทย ผัดไทยจึงกลายเป็นอาหารจานโปรดของทั้งคนจีนและไทย จนปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในอาหารที่รู้จักกันไปทั่วโลก   คุณค่าทางโภชนาการ ไขมันและไข่รวมทั้งกุ้งสดที่ใส่ในผัดไทยเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงสำหรับคนที่ต้องการพลังงานมาก โดยทั่วไปผัดไทย 1 จาน ให้พลังงาน 216.16 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 22.39 กรัม ไขมัน 10.84 กรัม โปรตีน 7.26 กรัม และแคลเซียม 67.98 มิลลิกรัม   ส่วนผสม ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแช่น้ำจนนุ่ม พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ    100 กรัม น้ำมัน                                       6     ช้อนโต๊ะ กุ้งแกะเปลือก ผ่าหลัง                  100 กรัม กระเทียมสับ                               1     ช้อนชา หอมแดงสับ                               1     ช้อนโต๊ะ เต้าหู้แข็งหั่นชิ้นเล็ก                    2     ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้งตัวเล็ก                             2     ช้อนโต๊ะ ไข่เป็ด                                      1     ฟอง น้ำปลา                                     2     ช้อนโต๊ะ น้ำตาล                                     2     ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก                           2     ช้อนโต๊ะ ถั่วลิสงคั่วบุบหยาบ พริกป่น สำหรับโรยหน้า ผักแนม ถั่วงอก ใบกุยช่าย หัวปลี ใบบัวบก วิธีทำ ผสมน้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะขามเปียกให้เข้ากัน พักไว้ จากนั้นผัดหอมแดง กระเทียม ให้หอม ใส่เต้าหู้ กุ้งสด ผัดให้พอสุก ใส่เส้นเล็กลงไปผัด ยีให้เส้นไม่เกาะกันเป็นก้อน เมื่อเส้นเริ่มสุกจึงใส่น้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ผัดให้เข้ากันพักเส้นไว้ข้างกระทะ ตอกไข่ไก่ใส่ลงในกระทะตีให้พอแตก นำเส้นลงไปผัดกับไข่ ใส่กุ้งแห้งผัดเร็วๆ ตักขึ้นเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ

ความเป็นมา น้ำพริกลงเรือเป็นน้ำพริกที่เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์เป็นผู้คิดค้นขึ้นเมื่อครั้งอยู่วังสวนสุนันทา ซึ่งท่านต้องจัดเตรียมสำรับให้เจ้านายผู้ใหญ่เมื่อยังไม่ถึงเวลาเสวย จึงเข้าไปในห้องเครื่องของเรือเห็นมีน้ำพริกกะปิและเครื่องเคียงเหลืออยู่อย่างละนิดละหน่อย เช่น หมูหวาน ปลาดุกทอดฟู ไข่เค็มแดง จึงนำมารวมกันและนำไปถวายกลายเป็นอาหารจานโปรดและตั้งชื่อว่า น้ำพริกลงเรือ เมื่อเวลาผ่านไปน้ำพริกนี้ก็แพร่หลายในคนทั่วไป พอถึงยุคที่คนไม่มีเวลาจึงนำน้ำพริกมาผัดข้าวกลายเป็นอาหารจานเดียวที่กินได้ง่ายและเร็ว   คุณค่าทางโภชนาการ น้ำพริกลงเรือเป็นทั้งอาหารครบหมู่และครบรสเพราะน้ำพริกกะปิมีรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว หมูหวานมีรสหวาน และปลาดุกฟูมีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบและมีโปรตีน เช่นเดียวกับกะปิและหมู เมื่อกินกับผักสดจะเสริมวิตามินต่างๆ ได้   ส่วนผสม ข้าวสวย                            2        ถ้วย น้ำพริกกะปิ                        3        ช้อนโต๊ะ หมูหวาน                             3        ช้อนโต๊ะ ไข่เค็มแดง                           1        ฟอง ปลาดุกฟูขยี้แหลก                 2        ช้อนโต๊ะ กระเทียมดองซอยบาง           1        ช้อนโต๊ะ ผักดิบต่างๆ เช่น ขมิ้นขาว ถั่วพู แตงกวา   วิธีทำ ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่ข้าวลงไปผัดพร้อมน้ำพริกกะปิ ใส่หมูหวาน ผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน วางไข่แดงหั่นเป็นชิ้นเล็กบนหน้าข้าว โรยปลาดุกฟู และกระเทียมดองซอยบาง


เพิ่มเติม

ภาค เหนือ

คั่วตับหมู

ความเป็นมา ในอดีตชาวล้านนานิยมทานเนื้อสัตว์เฉพาะในงานบุญงานเทศกาลเท่านั้น อาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์จึงถูกยกให้เป็นเมนูที่หาทานได้ยาก แต่ปัจจุบัน ไม่ต้องรองานบุญงานเทศกาลก็สามารถหาทานได้อย่างแพร่หลาย   คุณค่าทางโภชนาการ ตับหมูเป็นแหล่งของโปรตีนและธาตุเหล็ก ช่วยในการสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อีกทั้งยังได้วิตามินและเกลือแร่จากส่วนผสมต่างๆ   ส่วนผสม หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ                   200       กรัม ตับหมู เครื่องในหมู หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ    200       กรัม น้ำมันพืช ใบมะกรูด                                                   5        กรัม ต้นหอมซอย                                              1        ช้อนโต๊ะ ผักชีซอย                                                    1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                                        1        ช้อนชา ส่วนผสมพริกแกง พริกแห้ง                                     7        เม็ด หอมแดง                                     20      กรัม กระเทียม                                    15      กรัม ข่าซอย                                       1        ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย                                 1        ช้อนโต๊ะ รากผักชีซอย                              1        ช้อนชา กะปิ                                             1        ช้อนชา วิธีทำ ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียดพักไว้ ตั้งกระทะบนไฟอ่อน นำพริกแกงลงไปผัดให้หอม ใส่หมูสามชั้นและเครื่องในลงไปผัดให้พอสุก ปรุงรส ผัดให้เข้ากันจนสุกทั่ว ใส่ใบมะกรูด ผัดให้เข้ากัน ตักขึ้น โรยต้นหอม และผักชี


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire