SLider section

แกงเผ็ดหมูต้นข่าอ่อน

ภาค ใต้

  • recipe image cover

แกงเผ็ดหมูต้นข่าอ่อน

ความเป็นมา

คนท้องถิ่นมักจะปลูกพืชผักสวนครัวไว้หลังบ้านเพื่อนำมาทำอาหารได้ง่าย พืชที่ปลูกมักจะกินบ่อยๆ เช่น พริก ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด ข่ามักจะใช้เหง้าแก่มาดับกลิ่นคาวโดยเฉพาะปลา ต้นข่าอ่อนจะมีลำต้นยาวและเหง้าอ่อน ที่นิยมนำมาทำอาหารทั้งแกงส้มและแกงเผ็ด

 

คุณค่าทางโภชนาการ

ข่าอ่อนมีรสเผ็ดไม่มาก และมีสรรพคุณเป็นยาที่ใช้ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืด ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ และยังมีกากใยที่ช่วยขับถ่ายได้ดี เหง้าอ่อน 100 กรัมให้พลังงาน 20 กิโลแคลอรี มีฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม วิตามินซี 23 มิลลิกรัม เมื่อนำมาแกงกะทิกับหมูและใส่น้ำพริกแกงจึงให้ทั้งโปรตีนและไขมัน

 

ส่วนผสม

เนื้อหมูหั่น                             300    กรัม

ต้นข่าอ่อนหั่นเป็นชิ้น             100    กรัม

น้ำพริกแกง                             ¼       ถ้วย

หัวกะทิ                                    1        ถ้วย

หางกะทิ                                   2        ถ้วย

น้ำปลา                                      2        ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลมะพร้าว                         2        ช้อนชา

 

ส่วนผสมน้ำพริกแกง พริกขี้หนู 20-30 เม็ด พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา กระเทียมหั่น 2 ช้อนโต๊ะ

หอมแดงหั่น 2 ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย  3 ช้อนโต๊ะ ข่าหั่น 2 ช้อนชา ขมิ้นหั่น 1 ช้อนโต๊ะ กะปิ  2 ช้อนโต๊ะเกลือ 1 ช้อนชา ตำส่วนผสมพริกแกงรวมกันจนละเอียด

 

วิธีทำ

ผัดพริกแกงกับหัวกะทิจนแตกมัน ใส่เนื้อหมูลงผัดพอสุก ใส่ต้นข่าอ่อน หางกะทิ ต้มไฟอ่อนจนเนื้อข่าอ่อนสุก ปรุงรส ยกลง กินกับผักสดต่างๆ

ภาค ใต้

ทอดมันปักษ์ใต้

    ความเป็นมา คนใต้ชอบนำมะพร้าวมาทำทั้งอาหารคาวและหวาน นอกจากคั้นกะทิทำแกงแล้ว ยังนำมะพร้าวขูดมาใส่ในอาหารให้มีรสนุ่มและเนื้อหวานเหมือนกับทอดมันเมนูนี้ ที่ผสมไปกับเนื้อหมูและสมุนไพรต่างๆ จนเป็นทอดมันปักษ์ใต้ที่มีลักษณะเฉพาะ   คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อมะพร้าวมีใยอาหารสูงมาก เนื้อมะพร้าว 100 กรัมให้พลังงานประมาณ 312 กิโลแคลอรี โดยร้อยละ 90 ของพลังงานมาจากไขมันอิ่มตัวสูง แต่ก็ยังย่อยง่ายและมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาในการย่อยอาหาร ซึ่งร่างกายดูดซึมไขมันชนิดอื่นๆ ได้ยาก เมนูนี้เมื่อรวมกับเนื้อหมูและสมุนไพรต่างๆ จึงเป็นเมนูที่ย่อยไม่ยาก   ส่วนผสม มะพร้าวขูดขาว                             500    กรัม หมูบด                               300    กรัม พริกขี้หนูแห้ง                      30      เม็ด หอมแดงหั่น                        ½       ถ้วย กระเทียมหั่น                      3        ช้อนโต๊ะ ข่าหั่น                               1        ช้อนโต๊ะ ขมิ้นหั่น                               3        ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย                         ½       ถ้วย ใบมะกรูดซอย                     5        ใบ พริกไทยเม็ด                        2        ช้อนชา กะปิ                                       2        ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวเจ้า                            1        ถ้วย น้ำตาลทราย                           1        ช้อนโต๊ะ เกลือ                                        1        ช้อนชา วิธีทำ ตำพริกขี้หนู เกลือ พริกไทย ให้ละเอียด ใส่ตะไคร้ ขมิ้น หอมแดง กระเทียม ข่า กะปิ ตำรวมกันให้ละเอียด นำไปคลุกกับมะพร้าวและหมูสับ ใส่แป้งคลุกให้เข้ากัน ใส่ใบมะกรูดซอย ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ปั้นเป็นชิ้นกลม ทอดในน้ำมันร้อนท่วมจนสุก    


เพิ่มเติม

ภาค อีสาน

ส้มตำลาว

ความเป็นมา ส้มตำลาว คือส้มตำสูตรดัดแปลงของชาวลาว ซึ่งแตกต่างออกไปในแต่ละท้องถิ่น นิยมใส่ปลาร้าและมะละกอดิบเป็นหลัก ที่เรียกว่าตำลาวนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนและแยกกันระหว่างตำลาวกับตำไทย เพราะแต่เดิมเรียกตำลาวว่า “ตำหมากหุ่ง”   คุณค่าทางโภชนาการ ส้มตำลาว มีวิตามินเกลือแร่จากผัก และเครื่องปรุงต่างๆ มะละกอช่วยย่อยโปรตีน ทำให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดี น้ำมะนาว มะเขือเทศ พริกขี้หนูมีวิตามินซีสูง กระเทียมไทย ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย และได้โปรตีนจากปลาร้า ช่วยป้องกันการสะสมตัวของไขมันอิ่มตัวหรือคอเลสเตอรอล   ส่วนผสม มะละกอสับเป็นเส้น              120    กรัม มะเขือเทศสีดา                    30      กรัม มะกอกสุก                             10      กรัม ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อน          25      กรัม พริกขี้หนูสด                         8        เม็ด กระเทียม                              5        กรัม น้ำมะนาว                              1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                  1/2     ช้อนโต๊ะ น้ำปลาร้าต้มสุก                   1        ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ โขลกกระเทียม พริกขี้หนูในครกให้พอแหลก ตามด้วยถั่วฝักยาวโขลกพอแหลกปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำมะนาว โขลกเบา ๆ ใส่มะละกอ มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น ฝานมะกอกเป็นชิ้นบางใส่ลงโขลกเข้าด้วยกันชิมรสตามชอบ ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมผักสด


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน

    ความเป็นมา ขนมน้ำกะทิเป็นของหวานพื้นบ้านของไทยที่นำกะทิมาผสมน้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลโตนดซึ่งมีกลิ่นหอม และรสไม่หวานแหลม น้ำกะทิกินกับลอดช่อง ข้าวเหนียวดำ ใส่น้ำแข็ง และใส่ผลไม้รสหวานหอมอย่างทุเรียนกินกับข้าวเหนียวมูนที่ให้รสหวานมันอร่อย   คุณค่าทางโภชนาการ ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงพอสมควร เนื้อทุเรียน 200 กรัมให้วิตามินซีเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายใน 1 วัน มีสารซัลเฟอร์หรือกำมะถันตามธรรมชาติ ทุเรียน 100 กรัมให้พลังงานมากกว่าผลไม้ทั่วไปถึง 3 เท่า เมื่อกินกับข้าวเหนียวมูนที่มีกะทิเป็นส่วนผสมยิ่งให้พลังงานเพิ่มขึ้น จึงไม่ควรรับประทานมากเกินไป   ส่วนผสม ข้าวเหนียวมูน                               200    กรัม เนื้อทุเรียนสุก                                150    กรัม กะทิ                                                 3        ถ้วย น้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลมะพร้าว       1 ½    ถ้วย เกลือเล็กน้อย   วิธีทำ ละลายน้ำตาลในน้ำกะทิจนหมด นำไปตั้งไฟให้ร้อนจัดแต่ไม่ให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ให้เย็น ใส่เนื้อทุเรียนลงไป พักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง นำมาตักราดหน้าข้าวเหนียวมูน    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire