SLider section

แกงเขียวหวานเนื้อ

ภาค กลาง

  • recipe image cover

แกงเขียวหวานเนื้อ

ความเป็นมา

แกงกะทิที่ใช้พริกชี้ฟ้าเขียวแทนพริกแดงในส่วนผสมพริกแกงจึงทำให้มีสีเขียว และยังมีลูกผักชี ยี่หร่า ซึ่งเป็นเครื่องเทศของชาวอาหรับหรืออินเดีย รวมไปถึงการใช้เนื้อวัวที่คล้ายกับอาหารของชาวมุสลิม แสดงให้เห็นว่าแกงเขียวหวานเป็นแกงที่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างชาติ และคนไทยก็นำมาปรุงแต่งให้มีเอกลักษณ์จนเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ

คุณค่าทางโภชนาการ

แกงกะทิจานนี้ได้โปรตีนสูงจากเนื้อวัวที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ และแร่ธาตุที่มีประโยชน์โดยเฉพาะธาตุเหล็กและสังกะสีที่จำเป็นต่อร่างกาย ส่วนกะทิที่เป็นไขมันอิ่มตัวก็สมดุลด้วยสมุนไพรที่มีอยู่ในเครื่องพริกแกง มะเขือพวงมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยให้เหงือกและฟันแข็งแรง  มะเขือพวง 100 กรัม มีแคลเซียม 158 มิลลิกรัม และฟอสฟอรัส 110 มิลลิกรัม

ส่วนผสม

กะทิ                                         4     ถ้วย

น้ำพริกแกงเขียวหวาน            ½    ถ้วย

เนื้อหั่นบาง                              300 กรัม

มะเขือเปราะ                            100 กรัม

มะเขือพวง                               20   กรัม

น้ำปลา                                     3     ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลปี๊บ                                 1     ช้อนโต๊ะ

ใบโหระพา                                50   กรัม

พริกชี้ฟ้าเขียวหั่นแฉลบสำหรับโรยหน้า

ส่วนผสมเครื่องพริกแกงเขียวหวาน พริกชี้ฟ้าเขียวกรีดเม็ดออก 11 เม็ด ตะไคร้ซอยบาง  ¼ ถ้วย

หอมแดงซอย ¼ ถ้วย

กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ

ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนชา

รากผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนชา

พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา

กะปิ 1 ช้อนชา

ลูกผักชีคั่ว 4 ช้อนชา

ยี่หร่าคั่ว 2 ช้อนชา

ตำหรือปั่นทุกอย่างรวมกันจนละเอียด ถ้าต้องการให้มีสีเขียวเข้มสวยใส่ใบพริกลงไปตำด้วย

วิธีทำ

ผัดพริกแกงกับกะทิให้มีกลิ่นหอม อาจจะต้องผัดนานเล็กน้อยเพื่อทำให้เครื่องแกงสุก และไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว จากนั้นนำเนื้อลงไปผัดให้พอสุก ใส่กะทิและน้ำซุปเล็กน้อย ตั้งจนเดือดและมีกลิ่นหอม ใส่มะเขือเปราะ และมะเขือพวง ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ เมื่อเดือดอีกครั้งให้ใส่ใบโหระพา ตักขึ้นเสิร์ฟร้อนๆ

ภาค เหนือ

แอบปลากุ้ง

    ความเป็นมา แอบปลากุ้งนิยมใช้ปลาตัวเล็กกับกุ้งฝอยเป็นส่วนผสมร่วมกัน เนื่องจากหาได้ง่าย สามารถรับประทานได้ทั้งตัว   คุณค่าทางโภชนาการ ปลาและกุ้งตัวเล็กเป็นแหล่งแคลเซียม ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ตะไคร้แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ ข่าช่วยบำรุงร่างกาย กระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย   ส่วนผสม ปลาตัวเล็ก               200    กรัม กุ้งฝอย                      200    กรัม ต้นหอมหั่นฝอย          2        ช้อนโต๊ะ ผักชีหั่นฝอย                2        ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูดหั่นฝอย         2        ช้อนโต๊ะ ใบตอง ไม้กลัด ส่วนผสมน้ำพริกแกง พริกสด                    7        กรัม ตะไคร้ซอย               3        ช้อนโต๊ะ ขมิ้นซอย                  1        ช้อนชา ข่าซอย                      1        ช้อนชา กระเทียมซอย            2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย             3        ช้อนโต๊ะ กะปิ                        1        ช้อนชา เกลือป่น                  1        ช้อนชา วิธีทำ โขลกพริก เกลือ ข่า ตะไคร้ ขมิ้น กระเทียม หอมแดง จนละเอียด ใส่กะปิ โขลกให้เข้ากันอีกครั้งใส่ปลาและกุ้งลงในเครื่องพริกแกงที่โขลกไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากันใส่ผักชี ต้นหอม ใบมะกรูด เคล้าให้เข้ากัน ตักใส่ใบตอง กลัดด้วยไม้กลัด แล้วนำไปย่างจนสุก  


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

น้ำพริกมะม่วง

ความเป็นมา ในฤดูร้อนมะนาวที่คนไทยใช้ตำน้ำพริกจะออกลูกยากและมีราคาแพง จึงใช้ผลไม้รสเปรี้ยวอื่นๆ เช่น มะม่วง มาทำเป็นน้ำพริกแทน น้ำพริกมะม่วงเป็นอาหารพื้นบ้านที่กินกันทั่วไปเพราะมะม่วงในเมืองไทยหาได้ง่าย วิธีการตำและส่วนผสมก็คล้ายกับน้ำพริกทั่วไปของไทยคือ ใส่กะปิ กุ้งแห้ง กระเทียม พริก   คุณค่าทางโภชนาการ  มะม่วงดิบมีวิตามินซี ใยอาหาร และเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านออกซิเดชันที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยังป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งบางชนิดได้ น้ำพริกมะม่วงมีโปรตีนจากกะปิและกุ้งแห้ง ไม่มีไขมัน และรสเปรี้ยวในมะม่วงยังช่วยให้ร่างกายสดชื่นเหมาะกับฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าว   ส่วนผสม มะม่วงเปรี้ยวสับฝอย                     80   กรัม กุ้งแห้งป่น                                    1     ช้อนโต๊ะ กระเทียมกลีบเล็ก                        10   กรัม พริกขี้หนู                                      5     กรัม พริกชี้ฟ้าหั่นเป็นข้อสั้น                15   กรัม กะปิย่างไฟให้หอม                       1     ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ                                    1     ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                         1     ช้อนชา น้ำส้มคั้น                                      1     ช้อนโต๊ะ เครื่องเคียง เช่น ปลาสลิดทอดฟู ผักสด เช่น ถั่วพู มะเขือเปราะ ขมิ้นขาว แตงกวา เป็นต้น วิธีทำ ตำกะปิกับกระเทียมให้ละเอียด จากนั้นใส่กุ้งแห้ง และพริกชี้ฟ้าลงไปตำ ใส่พริกขี้หนูตำพอแหลก ใส่มะม่วงใช้สากบุบให้พอช้ำ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำส้มคั้น และน้ำปลา ตักขึ้นเสิร์ฟคู่เครื่องเคียงต่างๆ


เพิ่มเติม

ภาค เหนือ

ไส้อั่ว

  ความเป็นมา ไส้อั่ว เป็นวิธีการถนอมอาหารให้สามารถรับประทานได้นานขึ้นคำว่า อั่ว หมายถึง แทรก หรือยัดไว้ตรงกลาง ไส้อั่ว จึงหมายถึงไส้ที่มีการยัดไว้ตรงกลางซึ่งก็คือเนื้อสัตว์ต่างๆนั่นเอง   คุณค่าทางโภชนาการ ไส้อั่วมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ อีกทั้งเครื่องปรุงยังมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่นตะไคร้แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ ข่าช่วยบำรุงร่างกาย กระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย   ส่วนผสม เนื้อหมูบดติดมัน                   1        กิโลกรัม ใบมะกรูดหั่นฝอย                  3        ช้อนโต๊ะ ต้นหอม ผักชี หั่นฝอย            2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                    2        ช้อนโต๊ะ ไส้อ่อนหมู                              1/2     กิโลกรัม ส่วนผสมน้ำพริกแกง พริกแห้ง                            8        เม็ด เกลือป่น                            1        ช้อนชา ข่าซอย                              2        ช้อนชา ตะไคร้ซอย                         2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                      60      กรัม กระเทียมซอย                     3        ช้อนโต๊ะ กะปิ                                   1        ช้อนชา รากผักชี                            2        ช้อนชา ขมิ้นผง                             1/2     ช้อนชา วิธีทำ ปั่นหรือบดเครื่องพริกแกงให้ละเอียด จากนั้นนำไปคลุกเคล้ากับเนื้อหมูบด ใบมะกรูด ต้นหอม ผักชี ปรุงรสด้วยน้ำมา นวดและคลุกเคล้าจนเข้ากันดี นำไปยัดลงในไส้อ่อนหมูมัดหัวท้ายให้แน่น ก่อนนำไปนึ่งในลังถึงประมาณ 20 นาทีจึงเอามาย่างบนไฟอ่อน หรือทอดในน้ำมันจนสุก    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire