SLider section

ตูโบ้

ภาค ใต้

  • recipe image cover

ตูโบ้

 

 

ความเป็นมา

ตูโบ้ คือ แกงบวดรวมมิตรที่นำมันเทศ เผือก ถั่วแดง และแผ่นแป้งมันสำปะหลังมาต้มกับกะทิใส่น้ำตาลทราย ขนมหวานท้องถิ่นของคนภูเก็ต คำว่า ตู หมายถึง หมู  คำว่าโบ้ หมายถึงแม่ เมื่อรวมกันแล้ว “ตูโบ้” หมายถึง แม่หมู ซึ่งน่าจะเป็นเพราะของหวานนี้นำส่วนผสมหลายอย่างมาต้มรวมกันเหมือนต้มให้แม่หมูกิน

 

คุณค่าทางโภชนาการ

มันเทศ เผือก เป็นพืชหัวที่มีคาร์โบไฮเดรทสูง ถั่วแดงมีโปรตีน เมื่อนำมาต้มกะทิที่มีไขมันอิ่มตัวสูง และใส่น้ำตาลให้มีรสหวาน ของหวานถ้วยนี้จึงมีพลังงานค่อนข้างสูง จึงควรกินแต่พอเหมาะเพราะถ้ากินมากเกินไปจะให้พลังงานเกินความจำเป็นและทำให้อ้วนได้

 

ส่วนผสม

มันเทศหั่นชิ้นเล็ก                          1/2     ถ้วย

เผือกหั่นชิ้นเล็ก                             1/2     ถ้วย

ถั่วแดงเม็ดเล็กต้มสุก                     ½       ถ้วย

จูฮุ่น (แผ่นแป้งมันสำปะหลัง)         ½       ถ้วย

กะทิ                                                 3        ถ้วย

น้ำตาลทราย                                    1        ถ้วย

เกลือ                                                1        ช้อนชา

 

วิธีทำ

นึ่งมันเทศ เผือก ให้สุก ตั้งกะทิพอเดือด ใส่มันเทศ เผือก ถั่วแดง แผ่นแป้งมันสำปะหลัง ต้มพอเดือด ใส่น้ำตาล เกลือ ต้มให้น้ำตาลละลาย ชิมรส ตักใส่ถ้วยพร้อมรับประทาน

 

ภาค กลาง

กุ้งอบวุ้นเส้น

ความเป็นมา กุ้งอบวุ้นเส้นเป็นอาหารจีนที่มีวุ้นเส้นและกุ้งตัวใหญ่ซึ่งเป็นซีฟู้ดที่คนจีนชอบกิน นำมาปรุงกับน้ำมันหอย ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย และพริกชวงเจียวหรือพริกเสฉวนที่ไม่ได้มีลักษณะเป็นเม็ดพริก แต่มีลักษณะเป็นดอกคล้ายเม็ดพริกไทยซึ่งมีรสเผ็ดจนลิ้นชา กุ้งอบวุ้นเส้นควรปรุงในหม้อดิน ปิดฝาตั้งไฟจนกว่าจะสุก และเสิร์ฟทั้งหม้อดินเพราะจะเก็บความร้อนได้ดี   คุณค่าทางโภชนาการ ส่วนผสมหรือเครื่องปรุงหลักของกุ้งอบวุ้นเส้นคือน้ำมันหอยหรือน้ำมันหอยนางรม ซึ่งทำมาจากหอยนางรมสดนำไปหมัก ผสมกับซีอิ๊ว น้ำตาล และสารประกอบอื่นๆ จนเป็นซอสเหนียวข้น หอยนางรมมีวิตามินต่างๆ อยู่มาก มีแร่ธาตุประเภทเหล็ก ทองแดง สังกะสี ที่บำรุงเลือด แต่ปัจจุบันหอยนางรมราคาแพงจึงใช้สารสกัดและส่วนผสมอื่นๆ มาผสมแทน หอยนางรมให้แคลอรีค่อนข้างสูง มีน้ำตาลมาก กุ้งอบวุ้นเส้น 1 ชามให้พลังงาน 300 กิโลแคลอรี   ส่วนผสม วุ้นเส้นหั่นสั้นแช่น้ำให้นุ่ม                                  150    กรัม กุ้งตัวใหญ่                                                           200    กรัม มันหมูหั่นเป็นชิ้น                                                  50      กรัม รากผักชีกระเทียม พริกไทย ตำหยาบรวมกัน        3    ช้อนโต๊ะ พริกชวงเจียวคั่วบุบ                                              1    ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย                                                            3     ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว                                                                1    ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด                                                               1   ถ้วย ขึ้นฉ่ายหั่นเป็นชิ้นยาว                                            30   กรัม วิธีทำ ใส่มันหมูไว้ก้นหม้อดิน ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย พริกชวงเจียว วุ้นเส้น และกุ้ง ผสมน้ำมันหอย ซีอิ๊วและน้ำ คนให้เข้ากัน เทใส่ลงในหม้อดิน ปิดฝา ตั้งไฟจนสุก ใส่ขึ้นฉ่ายหั่นคนให้เข้ากัน ปิดฝาพักไว้ซักครู่ เสิร์ฟร้อนๆ    


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

แกงเผ็ดไก่

ความเป็นมา คนไทยเริ่มใช้กะทิในการทำอาหารโดยดัดแปลงมาจากการใช้นมของพวกอาหรับที่เดินทางมาค้าขายในสมัยอยุธยา แต่เดิมคนไทยมีแต่แกงน้ำใส และมีน้ำพริกแกงที่ใช้สมุนไพรสดมาตำรวมกันเพื่อให้แกงมีรสชาติเข้มข้นขึ้น เมื่อนำเอากะทิมาใช้ผสมในน้ำแกง และใส่สมุนไพรอย่างใบโหระพาเพื่อให้มีกลิ่นสดชื่น จึงทำให้กลายเป็นแกงที่มีรสชาติกลมกล่อมน่ากิน คุณค่าทางโภชนาการ แม้แกงไก่จะใช้กะทิที่มีไขมันอิ่มตัวสูงซึ่งอาจจะมีปัญหากับคอเลสเตอรอล แต่ก็มีสมุนไพรจากพริกแกงโดยเฉพาะพริกที่มีรสเผ็ดเพราะมีสารแคปไซซินช่วยขยายช่องจมูกให้ใหญ่ขึ้น จึงช่วยขับเสมหะ และลดการอุดตันของหลอดเลือด มะเขือพวงมีแคลเซียม เหล็ก และฟอสฟอรัสสูง ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยในการย่อยอาหาร มะเขือเปราะที่มีกากใยที่ช่วยระบายท้อง ใบโหระพาที่มีเบต้าแคโรทีนสูง โหระพา 100 กรัม มีเบต้าแคโรทีนสูงถึง 452.16 ไมโครกรัม แกงเผ็ดไก่จึงไม่ได้เป็นอาหารที่มีไขมันสูงอย่างที่หลายคนกลัว ถ้าเรากินอย่างพอเหมาะ ส่วนผสม กะทิ                                         4     ถ้วย เนื้อไก่                                      300 กรัม น้ำพริกแกงแดง                          ½    ถ้วย มะเขือเปราะ                              100 กรัม มะเขือพวง                                 20   กรัม ใบโหระพา                                50   กรัม พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ                      10   กรัม น้ำปลา น้ำตาลเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำพริกแกงแดง พริกแห้ง 9 เม็ด กรีดเม็ดออกและแช่น้ำจนนุ่ม ตะไคร้ซอยบาง ¼ ถ้วย หอมแดงซอย  ¼ ถ้วย กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนชา รากผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนชา พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา กะปิ 1 ช้อนชา ลูกผักชีคั่ว 4 ช้อนชา ยี่หร่าคั่ว 2 ช้อนชา ตำหรือปั่นทุกอย่างรวมกันจนละเอียด วิธีทำ    ผัดเครื่องแกงกับกะทิเล็กน้อยจนหอม ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้ผิวด้านนอกสุกขาว จากนั้นในกะทิลงไป เติมน้ำสะอาดเล็กน้อยต้มจนเริ่มเดือดและกะทิแตกมัน ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง และปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาล ชิมรส เมื่อต้องการเสิร์ฟให้ใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดง ตักขึ้นเสิร์ฟร้อนๆ  


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ข้าวผัดกะเพรา

ความเป็นมา ข้าวผัดใบกะเพราเป็นอาหารจานด่วนอย่างง่ายของไทย ซึ่งน่าจะเริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในยุคที่ทุกคนต้องรีบออกไปทำงานนอกบ้าน มีเวลาน้อยลง จึงต้องกินอาหารที่ไม่ต้องใช้เวลาปรุงนาน อีกทั้งใบกะเพรา พริกสดก็ให้กลิ่นหอม และรสร้อนแรงที่เสริมรสชาติความอร่อย ข้าวผัดกะเพราจึงเป็นอาหารที่ทุกร้านต้องมี และเป็นจานโปรดของคนทุกวัย คุณค่าทางโภชนาการ ใบกะเพรามีน้ำมันหอมระเหยและกลิ่นหอมฉุน มีสรรพคุณที่โดดเด่นคือ ช่วยขับลม แน่นจุกเสียด แก้ท้องอืด มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ใบกะเพรา 100 กรัม มีเบต้าแคโรทีนสูงถึง 7,857 ไมโครกรัม ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย ช่วยบำรุงสายตาและป้องกันการเสื่อมของสายตาในวัยอันควร  และจัดว่าเป็นสมุนไพรที่มีวิตามินซีสูง ใบกระเพรา 100 กรัม มีวิตามินซีถึง 22 มิลลิกรัม ส่วนผสม ข้าวหุงสุก                                  3     ถ้วย หมู/เนื้อ/ไก่สับหยาบ                    300 กรัม กระเทียมสับหยาบ                      2     ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูสับหยาบ                      1-2  ช้อนโต๊ะ ใบกะเพรา                                 60   กรัม น้ำมัน                                       3     ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                     2     ช้อนโต๊ะ น้ำตาล                                     1     ช้อนชา พริกไทยป่น                               1     ช้อนชา วิธีทำ ผัดกระเทียม และพริกกับน้ำมันให้มีกลิ่นหอม จากนั้นใส่เนื้อสัตว์ลงไปผัดจนเริ่มสุก หากต้องการทำเป็นกับข้าวให้ปรุงรสและใส่ใบกะเพราแล้วตักราดข้าว แต่หากต้องการทำเป็นข้าวผัดกะเพราให้ใส่ข้าวหุงสุกลงไปผัดก่อนแล้วจึงปรุงรส จากนั้นเร่งไฟแรงใส่ใบกะเพรา ผัดเร็วๆ จนเข้ากันตักเสิร์ฟร้อนๆ


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire