SLider section

ข้าวผัดกะเพรา

ภาค กลาง

  • recipe image cover

ข้าวผัดกะเพรา

ความเป็นมา

ข้าวผัดใบกะเพราเป็นอาหารจานด่วนอย่างง่ายของไทย ซึ่งน่าจะเริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในยุคที่ทุกคนต้องรีบออกไปทำงานนอกบ้าน มีเวลาน้อยลง จึงต้องกินอาหารที่ไม่ต้องใช้เวลาปรุงนาน อีกทั้งใบกะเพรา พริกสดก็ให้กลิ่นหอม และรสร้อนแรงที่เสริมรสชาติความอร่อย ข้าวผัดกะเพราจึงเป็นอาหารที่ทุกร้านต้องมี และเป็นจานโปรดของคนทุกวัย

คุณค่าทางโภชนาการ

ใบกะเพรามีน้ำมันหอมระเหยและกลิ่นหอมฉุน มีสรรพคุณที่โดดเด่นคือ ช่วยขับลม แน่นจุกเสียด แก้ท้องอืด มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ใบกะเพรา 100 กรัม มีเบต้าแคโรทีนสูงถึง 7,857 ไมโครกรัม ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย ช่วยบำรุงสายตาและป้องกันการเสื่อมของสายตาในวัยอันควร  และจัดว่าเป็นสมุนไพรที่มีวิตามินซีสูง ใบกระเพรา 100 กรัม มีวิตามินซีถึง 22 มิลลิกรัม

ส่วนผสม

ข้าวหุงสุก                                  3     ถ้วย

หมู/เนื้อ/ไก่สับหยาบ                    300 กรัม

กระเทียมสับหยาบ                      2     ช้อนโต๊ะ

พริกขี้หนูสับหยาบ                      1-2  ช้อนโต๊ะ

ใบกะเพรา                                 60   กรัม

น้ำมัน                                       3     ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา                                     2     ช้อนโต๊ะ

น้ำตาล                                     1     ช้อนชา

พริกไทยป่น                               1     ช้อนชา

วิธีทำ

ผัดกระเทียม และพริกกับน้ำมันให้มีกลิ่นหอม จากนั้นใส่เนื้อสัตว์ลงไปผัดจนเริ่มสุก หากต้องการทำเป็นกับข้าวให้ปรุงรสและใส่ใบกะเพราแล้วตักราดข้าว แต่หากต้องการทำเป็นข้าวผัดกะเพราให้ใส่ข้าวหุงสุกลงไปผัดก่อนแล้วจึงปรุงรส จากนั้นเร่งไฟแรงใส่ใบกะเพรา ผัดเร็วๆ จนเข้ากันตักเสิร์ฟร้อนๆ

ภาค กลาง

หมูสะเต๊ะ

ความเป็นมา หมูสะเต๊ะ เป็นอาหารปิ้งย่างที่คาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเนื้อสะเต๊ะ แต่ในประเทศไทยที่มีคนจีนมากและไม่นิยมกินเนื้อวัวจึงเปลี่ยนเป็นเนื้อหมู ส่วนผสมที่ใช้หมักเนื้อก็ยังมีลูกผักชี ยี่หร่า ขมิ้นหรือผงกะหรี่  และร้านขายหมูสะเต๊ะอร่อยๆ มักเป็นคนจีน หมูสะเต๊ะเป็นของว่างที่กินได้ตลอดวัน และนิยมสั่งกินก่อนอาหารมื้อหนัก   คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อหมูมีวิตามินบี 12 และอุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่างๆ มีโปรตีนที่ช่วยให้เด็กเจริญเติบโตได้เต็มที่ และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เนื้อสะเต๊ะจะอร่อยเมื่อมีมันหมูติดไปด้วยเล็กน้อย เพราะจะทำให้เนื้อนุ่มและไม่กระด้าง แต่ควรระวังไม่กินมันหมูมากเกินไปเพราะร่างกายอาจจะรับไขมันเกินความจำเป็น   ส่วนผสม เนื้อหมูสันนอกหั่นเป็นชิ้นยาวกว้าง      1        กก. กะทิ                                          1        ถ้วย   เครื่องสำหรับหมักหมู ลูกผักชีป่น 1 ช้อนโต๊ะ ยี่หร่าป่น 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา  น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ หมักหมูและเสียบไม้พักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง นำหมูสะเต๊ะย่างไฟ ขณะย่างพรมกะทิไปด้วยเพื่อไม่ให้แห้ง พอสุกใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มและอาจาด   ส่วนผสมน้ำจิ้มและวิธีทำ กะทิ 3 ถ้วย น้ำพริกแกง ½ ถ้วย ถั่วลิงสงโขลกละเอียด 1/3 ถ้วย น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปึก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มมะขาม 2 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวกะทิให้พอแตกมัน ใส่น้ำพริกลงไปผัดจนหอม ใส่ถั่วลิสง น้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มมะขาม เคี่ยวต่อจนข้น ชิมรส ส่วนผสมอาจาดและวิธีทำ น้ำส้มสายชู 1/3 ถ้วย น้ำตาลทราย ½ ถ้วย เกลือป่น 2 ช้อนชา แตงกวาผ่าสี่หั่น 2 ลูก หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ พริกชี้ฟ้าหั่นขวาง ½ เม็ด ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ ตั้งไฟ พอทุกอย่างละลายยกลง พักไว้ให้เย็น จัดแตงกวา หอมแดง พริกชี้ฟ้าใส่ชาม ราดน้ำอาจาด


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ยำวุ้นเส้น

    ความเป็นมา วุ้นเส้นเป็นอาหารประเภทเส้นของจีน เส้นเล็กกลม เมื่อสุกเนื้อจะเหนียว ใส คนจีนนิยมนำมาผัด ทำแกงจืด แต่ความที่คนไทยชอบอาหารรสจัดอย่างยำ จึงนำวุ้นเส้นมายำใส่เนื้อหมู กุ้ง กุ้งแห้งทอดให้เคี้ยวได้กรุบกรอบ และราดด้วยน้ำยำรสจัด เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน   คุณค่าทางโภชนาการ วุ้นเส้นทำมาจากแป้งถั่วเขียว จัดเป็นคาร์โบไฮเดรทที่มีโปรตีนอยู่น้อยมาก จึงไม่ได้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน แต่วุ้นเส้นมีคุณสมบัติตอบสนองต่อน้ำตาลในเลือดต่ำจึงเหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน ส่วนผมอื่นในยำวุ้นเส้น เช่น เนื้อหมู กุ้ง ให้โปรตีน หอมหัวใหญ่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และน้ำยำที่รสเผ็ด เปรี้ยว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ยำวุ้นเส้น 1 จานให้พลังงานเพียง 120 กิโลแคลอรี   ส่วนผสม วุ้นเส้นตัดสั้น                         120    กรัม เนื้อหมูสับ / กุ้ง ลวกสุก         60      กรัม กุ้งแห้งตัวเล็กทอด                2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                       20      กรัม เห็ดหูหนูหั่นชิ้นเล็ก               30      กรัม กระเทียมเจียว                         2        ช้อนโต๊ะ ต้นขึ้นฉ่ายหั่นเป็นชิ้นยาว        30      กรัม มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น              60      กรัม   ส่วนผสมน้ำยำ พริกขี้หนูซอย 5-10 เม็ด น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาวอย่างละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำยำ ชิมรสเตรียมไว้   วิธีทำ ลวกวุ้นเส้น ผสมกับส่วนผสมยำวุ้นเส้นทั้งหมด คลุกน้ำยำ รับประทานทันที    


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ปลาสำลีทอดกับยำมะม่วง

ความเป็นมา ปลาทอดเป็นอาหารที่กินกันทั่วไป ปลาสำลีเป็นปลาเนื้อขาว นุ่มละเอียด จึงดูดซึมน้ำจิ้มหรือน้ำยำได้ดี และความอร่อยของปลาทอด  นอกจากต้องสดเนื้อจึงจะหวานแล้ว การนำยำมะม่วงที่มีรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน มากินร่วมกันหรือเป็นน้ำจิ้มนั้นทำให้กินอร่อยมากยิ่งขึ้น   คุณค่าทางโภชนากร ปลาเป็นอาหารทะเลที่ให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และยังมีโอเมก้า 3 ไขมันดีที่ช่วยบำรุงสมอง และไม่ทำให้เส้นเลือดอุดตัน นักโภชนาการแนะนำว่าเราควรกินปลาทะเลอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 มื้อ จานนี้จึงอุดมด้วยโปรตีนเมื่อกินกับยำมะม่วงที่มีรสเปรี้ยวตามธรรมชาติกับส่วนผสมอย่างหอมแดง พริก น้ำมะนาว ช่วยเสริมวิตามินซีเพิ่มขึ้นอีก   ส่วนผสม ปลาสำลี น้ำหนัก 300-400 กรัม    1     ตัว มะม่วงเปรี้ยวสับและฝานเป็นเส้นยาว     80    กรัม หอมแดงซอย                             ¼    ถ้วย กุ้งแห้งตำ                                    2     ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูซอย                            10   กรัม ถั่วลิสงคั่ว หรือถั่วหิมพานต์คั่วสำหรับโรยหน้า ผักชีสำหรับโรยหน้า   ส่วนผสมน้ำยำ น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ชิมรส วิธีทำ                                              ทอดปลาในน้ำมันร้อนท่วม ยำมะม่วงโดยจัดมะม่วงใส่ชาม โรยหอมแดง กุ้งแห้ง ราดน้ำยำ ถั่ว ผักชี กินคู่กับปลาทอด  


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire