SLider section

ฟักทองผัดไข่พริกไทยดำ

ภาค ใต้

  • recipe image cover

ฟักทองผัดไข่พริกไทยดำ

 

 

ความเป็นมา

คนใต้เรียกฟักทองว่า “น้ำเต้า” เป็นผักพันธุ์ไม้เลื้อยที่ขึ้นง่าย ชาวบ้านมักจะปลูกไว้หลังบ้าน ทำอาหารกินได้ทั้งคาวและหวาน หรือผัดกับน้ำมันง่ายๆ ให้ได้รสหวานตามธรรมชาติโดยไม่ต้องปรุงแต่งมาก แต่คนใต้ชอบรสเผ็ดร้อน จึงใส่พริกไทยดำมากกว่าทางภาคกลาง

 

คุณค่าทางอาหาร

สีเหลืองของฟักทองมีเบต้าแคโรทีนอยู่เต็มเปี่ยมซึ่งสามารถช่วยป้องกันมะเร็งได้  และยังอุดมไปด้วยวิตามินเอที่ช่วยให้ดวงตาแข็งแรง ในตำราโบราณบอกไว้ว่าถ้ากินพร้อมเปลือกจะมีฤทธิ์ทางยา สามารถกระตุ้นการหลั่งของอินซูลินที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันเบาหวาน และโรคความดันโลหิตได้

 

ส่วนผสม

ฟักทองหั่นชิ้นเล็ก                 300    กรัม

หอมแดงซอย                         10      กรัม

กระเทียม                                  5        กรัม

พริกไทยดำ                              1        ช้อนชา

ไข่                                            1        ฟอง

น้ำปลา                                      2        ช้อนโต๊ะ

น้ำตาล                                        2        ช้อนโต๊ะ

น้ำสะอาด

 

วิธีทำ

โขลกหอม กระเทียม พริกไทย รวมกัน ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อนใส่ส่วนผสมที่ตำไว้ลงผัดพอหอม ใส่ฟักทอง ผัดสักครู่ ค่อยๆ เติมน้ำทีละน้อยจนฟักทองสุก ใส่ไข่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ผัดให้เข้ากันตักเสิร์ฟ

 

 

ภาค อีสาน

ลาบปลาดุก

ความเป็นมา ลาบปลาดุกถูกดัดแปลงเพื่อให้เกิดรสชาติและเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารมากยิ่งขึ้น เพราะรสชาติและรสสัมผัสของปลาดุกย่างจะแตกต่างจากเนื้อสัตว์โดยทั่วไป เนื้อปลาจะนุ่มและซึมซับรสของเครื่องปรุงได้ดีกว่า จึงได้รสชาติที่จัดจ้านกว่าเนื้อปลาชนิดอื่น   คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อปลาดุกย่างมีสรรพคุณคือ มีโปรตีนสูง และไขมันต่ำ นอกจากนั้น ข่ายังช่วยในระบบย่อยอาหาร ส่วนหอมแดง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงหัวใจผักชีฝรั่งช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ใบสะระแหน่ช่วยบำรุงสายตา คลายเครียด ต้นหอม ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด   ส่วนผสม ปลาดุกหนัก 300 กรัม                   1        ตัว ใบมะกรูดหั่นฝอย                          2        ช้อนชา ข่าโขลกละเอียด                            1        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                                10      กรัม ต้นหอมซอย                                  1        ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ                          1        ช้อนโต๊ะ ใบสะระแหน่                                 10      กรัม ข้าวคั่วป่น                                    2        ช้อนโต๊ะ พริกป่น                                       1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                       2        ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว                                   2        ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ ล้างปลาดุกให้สะอาด ขูดเมือกบนผิวออก นำไปย่างไฟพอสุก แกะเอาแต่เนื้อนำมาสับหยาบๆ จากนั้นเคล้าเนื้อปลาดุกกับข้าวคั่ว พริกป่น ข่าหั่นฝอย หอมแดงซอย และใบมะกรูดหั่นฝอยปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว คลุกเคล้ากันให้ทั่ว โรยใบสะระแหน่ ต้นหอม ผักชีฝรั่ง ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักเคียง    


เพิ่มเติม

ภาค อีสาน

กะหรี่ปั๊บไส้ไก่

ความเป็นมา กะหรี่ปั๊บคือของว่างซึ่งเป็นที่นิยมซื้อฝากและรับประทานกัน และเป็นของดีขึ้นชื่อประจำจังหวัดสระบุรี ไส้กะหรี่ปั๊บรสชาติดั่งเดิมจะเป็นรสจากผงกระหรี่ที่ใส่ลงไป จึงมีชื่อเรียกว่าcurry puff แต่มีการเรียกชื่อผิดเพี้ยนมาเป็นชื่อกะหรี่ปั๊บในปัจจุบัน   คุณค่าทางโภชนาการ ในไส้กะหรี่ปั๊บ ผงกะหรี่ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม และขับปัสสาวะ มีเนื้อไก่ที่ให้โปรตีนที่มีประโยชน์ มีผักที่ให้วิตามินต่าง เช่น หอมใหญ่ มันฝรั่ง   ส่วนผสมแป้งชั้นนอก แป้งสาลีอเนกประสงค์           5        ถ้วยตวง น้ำปูนใส                            1/2     ถ้วยตวง เนยขาว                             100    กรัม น้ำตาลทราย                       3        ช้อนโต๊ะ เกลือป่น                            3/4     ถ้วยตวง วิธีทำ ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์พักไว้ละลายน้ำตาลทรายและเกลือป่นลงในน้ำเย็นเทลงในแป้งสาลี เติมน้ำปูนใสและเนยขาว นวดให้เนียน พักแป้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ตัดแป้งเป็นก้อนก้อนละ 45 กรัม นำไปหุ้มแป้งชั้นใน   ส่วนผสมแป้งชั้นใน แป้งสาลีอเนกประสงค์           2        ถ้วยตวง เนยขาว                             100    กรัม วิธีทำ ร่อนแป้งสาลีแล้วทำเป็นบ่อตรงกลาง ใส่เนยขาวนวดให้เข้ากันเป็นก้อน แบ่งเป็นก้อนก้อนละ 15 กรัม สำหรับทำแป้งชั้นใน     สวนผสมไส้ไก่ เนื้อไก่สับหยาบ                  300    กรัม หอมใหญ่หั่น                       200    กรัม มันฝรั่งสุกหั่น                       500    กรัม ซอสปรุงรส                          2        ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น                         1        ช้อนชา ผงกะหรี่                              1        ช้อนชา น้ำตาลทราย                       7        ช้อนโต๊ะ เกลือป่น                               1 1/2 ช้อนชา เนยสด                                  3        ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด วิธีทำ ตั้งกระทะใส่เนย นำหอมใหญ่ลงผัดพอสุก ใส่เนื้อไก่และมันฝรั่ง ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส พริกไทยป่น ผงกระหรี่ น้ำตาลทรายและเกลือป่น ผัดให้เข้ากัน พักให้เย็น   ขั้นตอนการทำกะหรี่ปั๊บไส้ไก่ แบ่งแป้งชั้นในและชั้นนอกให้ได้จำนวนก้อนเท่ากัน นำแป้งชั้นนอกหุ้มแป้งชั้นในคลึงแป้งครั้งที่ 1 แล้วม้วนแป้งคลึงแป้งครั้งที่ 2 แล้วม้วนแป้งตัดแป้งเป็น 2 หรือ 3 ท่อนคลึงแป้งให้เป็นแผ่นบางพอประมาณนำไส้ที่ผัดแล้วมาใส่ในแป้งที่คลึงเป็นแผ่นห่อไส้ให้มิด แล้วจับขลิบเป็นแบบวงรี นำลงทอดก่อนรับประทาน    


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ต้มยำกุ้ง

ความเป็นมา แกงน้ำใสที่ได้กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยของสมุนไพรไทย เป็นเมนูง่ายๆ ที่สะท้อนความเป็นไทยได้อย่างเด่นชัด ส่วนผสมมีเพียงกุ้ง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และน้ำมะนาว ก็สามารถปรุงได้รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ได้อย่างกลมกล่อม ผู้ใหญ่บางท่านบอกว่าในอดีต สีแดงในต้มยำกุ้งเป็นมันกุ้งของกุ้งแม่น้ำที่ใช้มาทำต้มยำ ต่อมาเมื่อกุ้งหายาก พ่อครัวคนจีนจึงใส่น้ำพริกเผาให้มีมันลอยหน้าคล้ายมันกุ้ง อย่างไรก็ตามต้มยำกุ้งได้กลายเป็นอาหารไทยที่รู้จักกันไปทั่วโลก   คุณค่าทางโภชนาการ ต้มยำกุ้งเป็นอาหารจานชุมนุมสมุนไพรที่ทำให้รู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวย  สมองปลอดโปร่ง เพราะข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ล้วนมีน้ำมันหอมระเหยที่อบอวลอยู่ในจานอาหาร และมีสรรพคุณช่วยขับลม ให้ความสดชื่น  ผสานไปกับรสหวานของเนื้อกุ้งและเห็ด  กุ้งเป็นอาหารทะเลที่มีโปรตีนสูงแต่ไขมันต่ำ มีวิตามินบี 12 ที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และป้องกันโรคโลหิตจาง   ส่วนผสม กุ้งแม่น้ำหรือกุ้งสดแกะเปลือก ผ่าหลัง   200  กรัม เห็ดฟาง                                    1     ถ้วย ข่าบุบหรือหั่นแว่น                      20   กรัม ตะไคร้บุบ                                  80   กรัม ใบมะกรูด                                  5     กรัม พริกขี้หนู                                  5     กรัม น้ำปลา น้ำมะนาว ผักชีสำหรับโรยหน้า วิธีทำ ตั้งน้ำสะอาด หรือน้ำซุป ใส่ข่า ตะไคร้ ลงไปต้มให้เดือด และมีกลิ่นหอม จากนั้นใส่เห็ดฟาง และกุ้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่พริกขี้หนู จากนั้นยกลงจากเตาเติมน้ำมะนาว ชิมรสตักเสิร์ฟ


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire