SLider section

แกงโฮ๊ะ

ภาค เหนือ

  • recipe image cover

แกงโฮ๊ะ

ความเป็นมา

คำว่า “โฮ๊ะ” แปลว่า รวม คือการนำเอาอาหารหลายๆ อย่างมารวมกัน แต่ก่อนแกงโฮะมักจะทำจากอาหารที่เหลือหลายๆ อย่าง โดยจะมีความแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น แต่สมัยนี้ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ในการปรุงเพื่อให้มีคุณค่าทางโภชนาการมากยิ่งขึ้น

                             

คุณค่าทางโภชนาการ

แกงโฮ๊ะ มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายจากวัตถุดิบหลากหลายที่ผสมรวมกันเช่น ขมิ้นสดช่วยในการขับลม มะเขือพวงมีสารเพกติน ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยสารนี้จะมีหน้าที่ช่วยเคลือบผิวในลำไส้ ทำให้อาหารเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้ช้า จึงช่วยดูดซึมแป้งและน้ำตาลที่ย่อยแล้วได้ช้าลง ทำให้ระดับของน้ำตาลในเลือดคงที่

 

ส่วนผสม

เนื้ออกไก่หั่นชิ้นบาง                        150    กรัม

หมูสามชั้นหั่นชิ้นบาง                      200    กรัม

มะเขือเปราะผ่าสี่                          100    กรัม

หน่อไม้ดอง                                  200    กรัม

มะเขือพวง                                  50      กรัม

วุ้นเส้นแช่น้ำจนนิ่มหั่นท่อน               150    กรัม

ถั่วฝักยาวหั่นท่อน                          100    กรัม

ยอดใบตำลึงเด็ด                            100    กรัม

ผักชีหั่นท่อน                                  3        ช้อนโต๊ะ

ต้นหอมหั่นท่อน                             3        ช้อนโต๊ะ

ผักชีฝรั่งหั่นท่อน                            3        ช้อนโต๊ะ

พริกขี้หนูแดงบุบ                            5        กรัม

น้ำปลา                                           3        ช้อนโต๊ะ

น้ำมันสำหรับผัด

ส่วนผสมพริกแกง

พริกชี้ฟ้าแห้ง                                8        เม็ด

เกลือป่น                                       1        ช้อนชา

ตะไคร้ซอย                                   2        ช้อนโต๊ะ

กระเทียมซอย                               2        ช้อนโต๊ะ

หอมแดงซอย                                3        ช้อนโต๊ะ

ขมิ้นสดซอย                                  1        ช้อนชา

กะปิ                                               1        ช้อนชา

ภาค กลาง

ต้มข่าไก่

ความเป็นมา ไก่ต้มข่าหรือต้มข่าไก่นั้นคล้ายกับต้มยำแต่มีกะทิเป็นส่วนผสม น้ำแกงจึงมีสีขาวนวล ได้ความหอม หวาน มัน จากกะทิ และกลิ่นของสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งรสเผ็ดจากพริกขี้หนู ปรุงให้ได้รสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม และต้องมีกลิ่นหอมเด่นของข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และน้ำมะนาวสด คุณค่าทางโภชนาการ แม้ไก่ต้มข่าจะใช้กะทิซึ่งมีไขมันอิ่มตัว แต่สมุนไพรที่ใส่ล้วนมีสรรพคุณที่มีประโยชน์ทั้งสิ้น เช่น ข่า มีวิตามินซีสูง ช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ปวดมวนท้อง ตะไคร้ มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ช่วยขับลม ใบมะกรูดให้กลิ่นสดชื่น บรรเทาอาการวิงเวียน หน้ามืดเป็นลม และยังมีรสเปรี้ยวจากน้ำมะนาวซึ่งให้วิตามินซีเป็นอย่างดี ส่วนผสม กะทิสด               2 ถ้วย เนื้อไก่หั่นชิ้น      150 กรัม เห็ดฟาง              ½ ถ้วย ข่าหั่นบาง            ¼ ถ้วย ตะไคร้บุบ             50 กรัม ใบมะกรูด              5 กรัม พริกขี้หนูบุบ ตามชอบ น้ำปลา น้ำมะนาว ผักชีสำหรับโรยหน้า วิธีทำ ตั้งน้ำกะทิ 1 ถ้วย ผสมน้ำสะอาดจะได้เป็นหางกะทิ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไปจนเดือดและมีกลิ่นหอม ใส่เนื้อไก่ ตามด้วยเห็ดฟาง ต้มจนไก่สุกดี ใส่น้ำกะทิที่เหลือ ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่พริกขี้หนู จากนั้นดับไฟและใส่น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ชิมรสให้ได้เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวานตาม ตักเสิร์ฟ


เพิ่มเติม

ภาค เหนือ

น้ำพริกน้ำปู

    ความเป็นมา น้ำพริกน้ำปู เป็นน้ำพริกที่นิยมรับประทานของชาวล้านนา เนื่องจากในภาคเหนือนิยมทำน้ำปูเป็นเครื่องปรุงรสอยู่แล้ว จึงใช้น้ำปูเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อให้น้ำพริกมีรสชาติมากยิ่งขึ้น   คุณค่าทางโภชนาการ ในส่วนผสมของน้ำพริกมีพริกขี้หนูที่มีวิตามินซีสูง ช่วยกระตุ้นทำให้เจริญอาหาร และช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย กระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย   ส่วนผสม พริกขี้หนู                  15      กรัม กระเทียม                 15      กรัม หอมแดง                  30      กรัม ตะไคร้ซอย               1        ช้อนโต๊ะ น้ำปู                          1        ช้อนโต๊ะ เกลือ                      ½       ช้อนชา   วิธีทำ โขลกเกลือ ตะไคร้ กระเทียม และหอมแดง รวมกันให้ละเอียดโขลกพริกขี้หนูใส่รวมกันใส่น้ำปูลงคลุกเคล้าให้เข้ากันจัดใส่ภาชนะทานคู่กับผักสด      


เพิ่มเติม

ภาค ใต้

แกงเหลืองหน่อไม้ดองกับปลาอินทรี

ความเป็นมา แกงเหลืองก็คือแกงส้มของภาคกลาง แต่ใส่ขมิ้นจึงมีสีเหลืองและเรียกว่าแกงเหลือง เป็นแกงพื้นบ้านที่ทำง่ายๆ กินกันทั่วไป รสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน แกงเหลืองไม่นิยมรสหวาน และมีรสเผ็ดร้อนเข้มข้นกว่าแกงส้ม แกงนี้สามารถเปลี่ยนส่วนผสมไปตามพืชพรรณของแต่ละท้องที่และเรียกชื่อไปตามพืชผักและเนื้อสัตว์ที่นำมาปรุง เมนูนี้ใช้หน่อไม้ดองที่มีรสเปรี้ยวตามธรรมชาติ รสหวานจากสับปะรด และไม่ทำให้เผ็ดเกินไป ใส่ปลาอินทรีที่ทางใต้มีอย่างอุดมสมบูรณ์   คุณค่าทางโภชนาการ แกงน้ำใสรสสุขภาพที่มีรสหวาน เปรี้ยว จากพืชผักธรรมชาติโดยแท้จริง รสชาติจึงสดชื่นทั้งส้มมะขามและสับปะรดล้วนมีวิตาซีที่ช้วยป้องกันหวัดมีกากใยที่ช่วยป้องกันท้องผูก จานนี้ยังรสเผ็ดของพริกที่ช่วยแก้หวัดคัดจมูกได้อย่างดี และพริกยังมีสารไบโอเฟลโวนอยด์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านออกซิเดชั่น ซึ่งอาจจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้   ส่วนผสม พริกแกง                               ½    ถ้วย หน่อไม้ดอง                           1     ถ้วย ปลาอินทรีหั่นชิ้นใหญ่           300 กรัม สับปะรดหั่นชิ้นบาง                100 กรัม น้ำปลา                                   2     ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก                       2     ช้อนโต๊ะ   ส่วนผสมพริกแกง พริกสด 20 เม็ด ขมิ้นยาว  1 นิ้ว กระเทียม 7 กลีบ  กะปิ  1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา ตำทุกอย่างรวมกันให้ละเอียด    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire