SLider section

หมกปลาดุก

ภาค อีสาน

  • recipe image cover

หมกปลาดุก

 

 

ความเป็นมา

หมกปลาดุก เป็นอาหารที่ทำได้ไม่ยาก สามารถหาส่วนผสมได้ทั่วไป หมกคือการห่อด้วยใบตองและทำให้สุกด้วยการนึ่ง ดังนั้นคุณค่าทางสารอาหารจึงอยู่ครบถ้วน มากกว่าการทำอาหารประเภทอื่นๆ

 

คุณค่าทางโภชนาการ

เนื้อปลาดุกย่างมีสรรพคุณคือ มีโปรตีนสูง และไขมันต่ำ ผักชีลาวช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆในร่างกาย ช่วยลดคอเลสเตอรอลลดกรดไหลย้อน ลดอาการนอนไม่หลับ แถมมีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน

 

ส่วนผสม

ปลาดุกหั่นชิ้น                      600    กรัม

พริกขี้หนูแดง                      5        เม็ด

ตะไคร้หั่น                          2        ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา                                2        ช้อนโต๊ะ

ใบแมงลัก                           1/2     ถ้วยตวง

ต้นหอมหั่น                         1/2     ถ้วยตวง

ผักชีลาวหั่น                        ½       ถ้วยตวง

น้ำปลาร้า                            2        ช้อนโต๊ะ

ข้าวเบือ                                 2        ช้อนโต๊ะ

 

วิธีทำ

โขลกพริกขี้หนู และตะไคร้ให้ละเอียด นำไปคลุกเคล้ากับปลาดุกในอ่างผสม ใส่ใบแมงลัก ต้นหอม ผักชีลาว น้ำปลา น้ำปลาร้า และข้าวเบือ คลุกเคล้าให้เข้ากันตักส่วนผสมใส่ใบตองพอประมาณ แล้วห่อให้สนิท จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พร้อมเสิร์ฟ

 

 

 

ภาค กลาง

ข้าวหมกไก่

ความเป็นมา ข้าวหมกไก่เป็นอาหารที่ไทยได้รับมาจากพวกอาหรับตั้งแต่อดีต ถือเป็นอาหารของคนมุสลิมในประเทศไทย และเป็นกลุ่มคนที่เชี่ยวชาญการทำข้าวหมกไก่ที่สุด ข้าวหมกนี้ต้องใส่เครื่องเทศแขก เช่น อบเชย ลูกกระวาน กานพลู และหญ้าฝรั่นหรือแซฟฟรอน (saffron) เพื่อให้ข้าวมีสีเหลืองทองสวยและมีกลิ่นหอม แต่หญ้าฝรั่นราคาแพงมากจึงมีการใช้ขมิ้นแทนในภายหลัง   คุณค่าทางโภชนาการ เครื่องเทศที่ใส่ในข้าวหมกไก่ทำให้อาหารมีกลิ่นหอม ชวนกินแล้วยังมีสรรพคุณต่างๆ  เช่น อบเชย ช่วยขับเหงื่อ แก้อ่อนเพลีย ขับลม กานพลูช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ลูกกระวานช่วยบำรุงธาตุ ขับเสมหะ หญ้าฝรั่น ช่วยบำรุงร่างกาย ถนอมสายตา รักษาภาวะซึมเศร้า ส่วนขมิ้นช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด   ส่วนผสมข้าว ข้าวสาร                                    300 กรัม น้ำมันพืชหรือน้ำมันแขกที่เรียกว่า “กี”   3      ช้อนโต๊ะ น้ำประมาณ                               3 ½ ถ้วย ลูกกระวาน                                5     กรัม อบเชย ยาว 2 นิ้ว                        1     ชิ้น กานพลู                                     3     ดอก หญ้าฝรั่น                                  1     ช้อนชา (แช่น้ำอุ่นเล็กน้อย) (หรือขมิ้นผง)                             2     ช้อนชา เกลือเล็กน้อย หอมเจียวสำหรับโรยหน้า ส่วนผสมเครื่องหมักไก่ เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นใหญ่                 1     กิโลกรัม ผงขมิ้น                                     2     ช้อนชา ผงลูกผักชี                                 2     ช้อนชา ผงยี่หร่า                                    1     ช้อนชา พริกไทยดำป่น                           1     ช้อนชา เกลือ                                        1     ช้อนชา โยเกิร์ต                                     1     ถ้วย วิธีทำ หมักไก่เตรียมไว้ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำไปทอดในน้ำมันจนไก่เริ่มสุก ตักไก่ขึ้นใส่หม้อเตรียมไว้ ใส่เนยกีลงไป และนำข้าวสารไปผัดกับเครื่องเทศจนข้าวกลายเป็นสีเหลือง เทลงในหม้อที่ใส่ไก่ไว้ จากนั้นนำไปหุงจนข้าวสุกดี ตักเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

หมูสะเต๊ะ

ความเป็นมา หมูสะเต๊ะ เป็นอาหารปิ้งย่างที่คาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเนื้อสะเต๊ะ แต่ในประเทศไทยที่มีคนจีนมากและไม่นิยมกินเนื้อวัวจึงเปลี่ยนเป็นเนื้อหมู ส่วนผสมที่ใช้หมักเนื้อก็ยังมีลูกผักชี ยี่หร่า ขมิ้นหรือผงกะหรี่  และร้านขายหมูสะเต๊ะอร่อยๆ มักเป็นคนจีน หมูสะเต๊ะเป็นของว่างที่กินได้ตลอดวัน และนิยมสั่งกินก่อนอาหารมื้อหนัก   คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อหมูมีวิตามินบี 12 และอุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่างๆ มีโปรตีนที่ช่วยให้เด็กเจริญเติบโตได้เต็มที่ และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เนื้อสะเต๊ะจะอร่อยเมื่อมีมันหมูติดไปด้วยเล็กน้อย เพราะจะทำให้เนื้อนุ่มและไม่กระด้าง แต่ควรระวังไม่กินมันหมูมากเกินไปเพราะร่างกายอาจจะรับไขมันเกินความจำเป็น   ส่วนผสม เนื้อหมูสันนอกหั่นเป็นชิ้นยาวกว้าง      1        กก. กะทิ                                          1        ถ้วย   เครื่องสำหรับหมักหมู ลูกผักชีป่น 1 ช้อนโต๊ะ ยี่หร่าป่น 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ผงกะหรี่ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา  น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ หมักหมูและเสียบไม้พักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง นำหมูสะเต๊ะย่างไฟ ขณะย่างพรมกะทิไปด้วยเพื่อไม่ให้แห้ง พอสุกใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มและอาจาด   ส่วนผสมน้ำจิ้มและวิธีทำ กะทิ 3 ถ้วย น้ำพริกแกง ½ ถ้วย ถั่วลิงสงโขลกละเอียด 1/3 ถ้วย น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปึก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มมะขาม 2 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวกะทิให้พอแตกมัน ใส่น้ำพริกลงไปผัดจนหอม ใส่ถั่วลิสง น้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มมะขาม เคี่ยวต่อจนข้น ชิมรส ส่วนผสมอาจาดและวิธีทำ น้ำส้มสายชู 1/3 ถ้วย น้ำตาลทราย ½ ถ้วย เกลือป่น 2 ช้อนชา แตงกวาผ่าสี่หั่น 2 ลูก หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ พริกชี้ฟ้าหั่นขวาง ½ เม็ด ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ ตั้งไฟ พอทุกอย่างละลายยกลง พักไว้ให้เย็น จัดแตงกวา หอมแดง พริกชี้ฟ้าใส่ชาม ราดน้ำอาจาด


เพิ่มเติม

ภาค ใต้

ข้าวยำสงขลา

ความเป็นมา ข้าวยำเป็นอาหารจานเดียวของคนใต้ที่นำข้าวมากินกับผักสดพื้นบ้านนานาชนิด ซึ่งมีรสต่างๆ กัน  เช่น ผักรสจืด แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักรสเผ็ด เช่น ใบชะพลู สมุนไพร เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักทุกอย่างต้องซอยให้บางเพื่อเคี้ยวได้อร่อย  และโรยด้วยมะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งตำ ราดด้วยน้ำบูดู ข้าวยำของแต่ละจังหวัดจะแตกต่างกันไปตามความนิยมและพืชผักพื้นบ้านที่หาได้ ถ้าเปรียบไปข้าวยำก็คล้ายกับสลัดของฝรั่ง   คุณค่าทางโภชนาการ ข้าวยำจัดเป็นอาหารครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการ ไขมันต่ำ มีคาร์โบไฮเดรทจากข้าว ไขมันจากมะพร้าวคั่ว โปรตีนจากกุ้งแห้งและน้ำบูดูซึ่งทำจากปลาหมักที่นำมาปรุงรส ผักสดใบเขียวต่างๆ เป็นแหล่งของเบต้าแคโรทีน วิตามิน และกากใยต่างๆ ที่ช่วยระบายท้อง และยังสามารถจัดเป็นอาหารลดน้ำหนักที่มีคุณค่าทางอาหาร และวิตามินครบถ้วนอีกด้วย   ส่วนผสม ข้าวสวย                        1 ½ ถ้วย ข้าวตังทอด                   1     ถ้วย มะพร้าวคั่วเหลือง          4     ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้งป่น                     4     ช้อนโต๊ะ น้ำบูดู                            ½    ถ้วย พริกแห้งป่น เหมือดหรือผักต่างๆ เช่น ถั่วฝักยาวหั่นบางๆ ใบพาโหมหรือใบชะพลูหั่นฝอย ถั่วงอก (เด็ดหาง) แตงกวาหั่น ตะไคร้ซอยบาง เมล็ดกระถิน มะม่วงซอย หรือมะนาว เป็นต้น วิธีทำ ซอยผักทั้งหมดเป็นเส้นๆ หรือซอยหยาบแยกกันไว้ ตักข้าวหุงสุกใส่จาน เรียงผักรอบๆ ให้สวยงาม ตักน้ำบูดูที่ปรุงรสแล้วแยกใส่ถ้วยไว้ เมื่อจะรับประทานนำน้ำบูดูราดลงไปในข้า และคลุกส่วนผสมทั้งหมดรวมกันก่อนรับประทาน    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire