SLider section

ข้าวหมกไก่

ภาค กลาง

  • recipe image cover
  • recipe image cover
  • recipe image cover

ข้าวหมกไก่

ความเป็นมา

ข้าวหมกไก่เป็นอาหารที่ไทยได้รับมาจากพวกอาหรับตั้งแต่อดีต ถือเป็นอาหารของคนมุสลิมในประเทศไทย และเป็นกลุ่มคนที่เชี่ยวชาญการทำข้าวหมกไก่ที่สุด ข้าวหมกนี้ต้องใส่เครื่องเทศแขก เช่น อบเชย ลูกกระวาน กานพลู และหญ้าฝรั่นหรือแซฟฟรอน (saffron) เพื่อให้ข้าวมีสีเหลืองทองสวยและมีกลิ่นหอม แต่หญ้าฝรั่นราคาแพงมากจึงมีการใช้ขมิ้นแทนในภายหลัง

 

คุณค่าทางโภชนาการ

เครื่องเทศที่ใส่ในข้าวหมกไก่ทำให้อาหารมีกลิ่นหอม ชวนกินแล้วยังมีสรรพคุณต่างๆ  เช่น อบเชย ช่วยขับเหงื่อ แก้อ่อนเพลีย ขับลม กานพลูช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ลูกกระวานช่วยบำรุงธาตุ ขับเสมหะ หญ้าฝรั่น ช่วยบำรุงร่างกาย ถนอมสายตา รักษาภาวะซึมเศร้า ส่วนขมิ้นช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด

 

ส่วนผสมข้าว

ข้าวสาร                                    300 กรัม

น้ำมันพืชหรือน้ำมันแขกที่เรียกว่า “กี”   3      ช้อนโต๊ะ

น้ำประมาณ                               3 ½ ถ้วย

ลูกกระวาน                                5     กรัม

อบเชย ยาว 2 นิ้ว                        1     ชิ้น

กานพลู                                     3     ดอก

หญ้าฝรั่น                                  1     ช้อนชา (แช่น้ำอุ่นเล็กน้อย)

(หรือขมิ้นผง)                             2     ช้อนชา

เกลือเล็กน้อย

หอมเจียวสำหรับโรยหน้า

ส่วนผสมเครื่องหมักไก่

เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นใหญ่                 1     กิโลกรัม

ผงขมิ้น                                     2     ช้อนชา

ผงลูกผักชี                                 2     ช้อนชา

ผงยี่หร่า                                    1     ช้อนชา

พริกไทยดำป่น                           1     ช้อนชา

เกลือ                                        1     ช้อนชา

โยเกิร์ต                                     1     ถ้วย

วิธีทำ

หมักไก่เตรียมไว้ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำไปทอดในน้ำมันจนไก่เริ่มสุก ตักไก่ขึ้นใส่หม้อเตรียมไว้ ใส่เนยกีลงไป และนำข้าวสารไปผัดกับเครื่องเทศจนข้าวกลายเป็นสีเหลือง เทลงในหม้อที่ใส่ไก่ไว้ จากนั้นนำไปหุงจนข้าวสุกดี ตักเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม

ภาค ใต้

ผักเหลียงต้มกะทิกุ้งสด

ความเป็นมา แกงกะทิที่มีทั้งแบบเผ็ดและไม่เผ็ดเป็นอาหารยอดนิยมของคนใต้ ซึ่งมีพื้นที่ติดทะเลและปลูกมะพร้าวมาก อาหารจานนี้นำกะทิมาต้มกับผักพื้นบ้านอย่างผักเหลียง ใส่กุ้ง และใส่หอมแดงให้มีกลิ่นหอม ทีรสหวาน เพิ่มรสเค็มด้วยกะปิ เป็นแกงรสอร่อยที่กินได้คล่องคอ   คุณค่าทางโภชนาการ ใบเหลียงผักพื้นบ้านใบเขียวเนื้อกรอบ รสหวานมัน มีเบต้าแคโรทีนจากสีเขียวอย่าง ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ทำให้ไม่ป่วยจากโรคที่คนนิยมเป็นกัน เช่น โรคจากหลอดเลือด โรคหัวใจ ยิ่งเมื่อแกงกับกะทิที่มีไขมันจะช่วยดูดซึมวิตามินได้อย่างดี และยังได้โปรตีนจากเนื้อกุ้งอีกด้วย   ส่วนผสม ผักเหลียง                    500 กรัม กุ้งสด                           200 กรัม กะทิ                             4     ถ้วย หอมแดงบุบ                  40   กรัม กะปิ                              1     ช้อนโต๊ะ น้ำตาล                          2     ช้อนโต๊ะ เกลือ                            1     ช้อนชา วิธีทำ ละลายกะปิกับกะทิเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นก้อน จากนั้นเติมกะทิที่เหลือลงไปในหม้อยกขึ้นตั้งไฟ ใส่หอมแดงบุบ รอจนเริ่มเดือด จากนั้นใส่กุ้งสด ปรุงรสด้วยน้ำตาล และเกลือ พอเดือดอีกครั้งใส่ผักเหลียง ต้มต่อให้ผักเหลียงสุกนุ่ม ตักเสิร์ฟ


เพิ่มเติม

ภาค เหนือ

ตำส้มโอน้ำปู

    ความเป็นมา ตำส้มโอ หรือตำบ่าโอ คือการนำส้มโอมาผสมรวมกับพริกแกงเพื่อเพิ่มรสชาติ ชาวล้านนานิยมใส่น้ำปูเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยถูกปาก   คุณค่าทางโภชนาการ ส้มโอช่วยขับสารพิษในร่างกายได้ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งมะเขือเปราะช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยในการขับถ่าย   ส่วนผสม ส้มโอ                        200    กรัม พริกขี้หนู                   5        กรัม กระเทียม                   5        กรัม มะเขือเปราะซอย       40      กรัม ตะไคร้ซอย               2        ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ                1        ช้อนโต๊ะ ปลาร้าต้มสุก             2        ช้อนโต๊ะ น้ำปู                         ½       ช้อนชา   วิธีทำ โขลกกระเทียม พริกขี้หนู พอแหลก ใส่ปลาร้า น้ำตาลปี๊บ น้ำปู โขลกให้เข้ากันใส่ส้มโอลงโขลกเบาๆ ใส่ตะไคร้ซอย มะเขือเปราะซอยคลุกเคล้าให้เข้ากันจัดใส่จานทานคู่กับผักสด      


เพิ่มเติม

ภาค อีสาน

ต้มแซ่บซี่โครงหมู

    ความเป็นมา ต้มแซ่บเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในภาคอีสานอีกหนึ่งเมนู มีความคล้ายคลึงกับต้มยำในภาคกลางแต่จะใส่พริกป่นแทนพริกสด และเลือกใช้เนื้อสัตว์เช่นหมูและเนื้อวัวมากกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น รสชาติของต้มแซ่บจะไม่เปรี้ยวมาก เน้นความกลมกล่อมจากส่วนผสมต่างๆที่ใส่ลงไป   คุณค่าทางโภชนาการ ต้มแซ่บมีสรรพคุณมากมายจากสมุนไพรและผัก เช่นข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับลม บำรุงร่างกาย และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี เห็ดฟาง พริกขี้หนูและมะเขือเทศมีวิตามินซีสูง ผักชีฝรั่งช่วยแก้ท้องอืด ดับกลิ่นปาก   ส่วนผสม กระดูกหมูอ่อน ต้มแล้วหั่นเป็นชิ้น       350    กรัม เห็ดฟางผ่าครึ่ง                                    1/2     ถ้วย ตะไคร้หั่นท่อน                                     30      กรัม ข่าหั่นแว่น                                             10      กรัม มะเขือเทศสีดา                                     80      กรัม หอมแดง                                                40      กรัม น้ำปลา                                                    3        ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว                                                 3        ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูดฉีก                                             3        กรัม ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ                                     15      กรัม พริกขี้หนูแห้ง คั่ว                                       8        เม็ด พริกป่น                                                        1        ช้อนชา ผักชีเด็ดใบ                                                 10      กรัม วิธีทำ ตั้งหม้อใส่น้ำบนไฟกลาง ใส่หอมแดง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ต้มจนเดือด ใส่กระดูกหมู ต้มสักพักจนสุกนุ่ม ใส่เห็ดฟาง มะเขือเทศ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น ตักใส่ชามโรยหน้าด้วยผักชี ผักชีฝรั่ง พริกแห้งคั่ว    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire