SLider section

ยำไตปลา

ภาค ใต้

  • recipe image cover

ยำไตปลา

 

 

ความเป็นมา

ยำไตปลาเป็นการนำไตปลาซึ่งเป็นของหมักดองมาปรุงอาหารให้อร่อยอีกเมนูหนึ่งซึ่งโดยทั่วไปคนนิยมนำไปทำแกงไตปลา แต่ยำจานนี้เป็นยำไตปลาที่ใส่กะทิให้มีรสมัน มีกลิ่นหอมจากสมุนไพรสดต่างๆ ที่ซอยใส่รวมไปกับเนื้อปลา และมีรสชาติเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน อร่อยอย่างยำทั่วไป

 

คุณค่าทางโภชนาการ

ไตปลาเป็นของหมักดองจากพุงปลา กระเพาะปลาที่มีโปรตีนสูง ในขณะเดียวกันก็ได้โปรตีนจากเนื้อปลาย่างที่ใส่รวมไปด้วย ไขมันจากกะทิ และกลิ่นรสสดชื่นที่ทำให้หายใจได้โล่งโปร่งสบายจากสมุนไพรสด เช่น พริก หอม ข่า ตะไคร้ เป็นต้น

 

ส่วนผสม

ไตปลา                                        200    กรัม

ข่า ตะไคร้ ขมิ้น บุบ  ใบมะกรูด 4-5 ใบ สำหรับต้มไตปลา

หัวกะทิ                                           1        ถ้วย

ตะไคร้ซอยบาง                              ½       ถ้วย

หอมแดงซอยบาง                           ½       ถ้วย

ข่าซอยเป็นเส้น                                1        ช้อนโต๊ะ

กระชายซอยเป็นเส้น                        ¼       ถ้วย

พริกขี้หนูซอย                                    5        กรัม

ใบมะกรูดซอย                                    5        ใบ

น้ำมะนาว                                              2        ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลมะพร้าว                                     2        ช้อนโต๊ะ

เนื้อปลาทูย่างหรือเนื้อปลาโอย่าง        80      กรัม

วิธีทำ

ต้มไตปลากับข่า ตะไคร้ ขมิ้น ใบมะกรูด ต้มจนเดือด กรองไตปลา พักไว้แบ่งไตปลาที่ต้มไว้ประมาณ  3-4 ช้อนโต๊ะมาต้มกับกะทิ พอเดือดใส่เนื้อปลา ยกลงปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำตาล ใส่สมุนไพร และเนื้อปลาที่เตรียมไว้ทั้งหมด คลุกให้เข้ากัน ชิมรส กินกับผักสดต่างๆ

 

 

 

ภาค ใต้

แกงคั่วกระดูกหมูอ่อน

ความเป็นมา           กระดูกหมูอ่อนเป็นเนื้อส่วนซี่โครงที่ติดกระดูกอ่อน เวลาเคี้ยวจะกรุบกรับ นุ่ม ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย ซึ่งคนนิยมนำมาทำอาหารทั้งทอด ต้ม แกง เมนูนี้นำมาแกงใส่น้ำพริกแกงใต้ที่มีรสเผ็ดร้อน เข้มข้น เป็นจานอร่อยอย่างอาหารใต้อีกจาน   คุณค่าทางโภชนาการ           กระดูกหมูให้โปรตีนเหมือนกับเนื้อหมู แต่มีไขมันมากกว่าส่วนเนื้อเพราะมีไขมันแทรกอยู่ เนื้อจึงนุ่ม น้ำพริกแกงใต้มีส่วนผสมของขมิ้นที่ช่วยรักษาโรคท้องอืดและช่วยย่อยอาหาร สมุนไพร เช่น พริก ใบมะกรูดที่มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยแก้วิงเวียนศีรษะได้อย่างดี   ส่วนผสม กระดูกหมูอ่อนสับเป็นชิ้น                350    กรัม น้ำพริกแกงใต้                                 ¼       ถ้วย ใบมะกรูดหั่นฝอย                             5        ใบ น้ำมันพืช                                           2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                               3        ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย                                      1        ช้อนชา น้ำ   วิธีทำ ผัดน้ำพริกแกงกับน้ำมันพอหอม ใส่กระดูกหมูผัดรวมกับพริกแกงสักครู่ ค่อยๆ เติมน้ำ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนกระดูกหมูนุ่มน้ำขลุกขลิก ปรุงรส ใส่ใบมะกรูดซอย รับประทานกับผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว


เพิ่มเติม

ภาค อีสาน

ตำซั่ว

  ความเป็นมา ตำซั่ว คือส้มตำที่ใส่ทั้งเส้นขนมจีนและเส้นมะละกอ ในบางสูตรจะใส่ผักดอง ข้าวคั่ว หอยดอง ถั่วงอก นิยมรับประทานกันมากในภาคอีสาน   คุณค่าทางโภชนาการ ตำซั่ว มีคุณค่าทางอาหารทั้งจาก มะละกอช่วยย่อยโปรตีน ทำให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดี น้ำมะนาว มะเขือเทศ พริกขี้หนูมีวิตามินซีสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ กระเทียมไทย ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย และได้โปรตีนจากปลาร้า ช่วยป้องกันการสะสมตัวของไขมันอิ่มตัวหรือคอเลสเตอรอล   ส่วนผสม มะละกอสับเป็นเส้น              50      กรัม เส้นขนมจีน                          80      กรัม มะเขือเทศสีดา                    30      กรัม มะเขือเปราะ                         10      กรัม พริกขี้หนูสด                           6        เม็ด กระเทียม                                5        กรัม ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อน             25      กรัม น้ำมะนาว                                  1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                      ½       ช้อนโต๊ะ น้ำปลาร้าต้มสุก                           2        ช้อนโต๊ะ        วิธีทำ ใส่กระเทียมและพริกขี้หนู ลงในครก โขลกให้พอแหลก ตามด้วยถั่วฝักยาวโขลกพอแหลกปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำมะนาว โขลกเบา ๆ พอเข้ากัน ใส่มะละกอ เส้นขนมจีน มะเขือเทศผ่าซีก ฝานมะเขือเปราะเป็นชิ้นบางใส่ลงโขลกเข้าด้วยกันชิมรสตามชอบ ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมผักสด    


เพิ่มเติม

ภาค ใต้

หลนปูเค็ม

    ความเป็นมา หลน จัดเป็นเครื่องจิ้มอย่างหนึ่งของไทย น้ำขลุกขลิกใส่กะทิ มีรสหวานจากกะทิและน้ำตาลมะพร้าว กินกับผักสดต่างๆ ทางใต้มีพื้นที่ติดทะเลจึงมีปูมากและนำมาทำปูเค็มซึ่งจัดเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งให้เก็บไว้กินได้นาน ใช้เพื่อปรุงรสเค็มในการทำหลนนี้ด้วย   คุณค่าทางโภชนาการ ปูเป็นซีฟู้ดที่มีโพแทสเซียมและสังกะสีสูง ส่วนผสมสมุนไพร เช่น หอม ตะไคร้ พริกขี้หนู ทำให้มีกลิ่นหอมชวนกินแล้ว ยังให้ความรู้สึกสดชื่น และหลนเป็นเครื่องจิ้มที่มีรสจัดจึงทำให้กินผักสดต่างๆ ได้มาก วิตามินและเกลือแร่จึงได้มากจากผักสด เช่น ขมิ้นขาว สายบัว มะเขือเปราะ ที่กินเป็นเครื่องเคียงนี้เอง   ส่วนผสม ปูเค็ม หั่นครึ่ง            5        ตัว หัวกะทิ                       1        ถ้วย หอมแดงซอย             30      กรัม ตะไคร้ซอย                 50      กรัม พริกขี้หนูซอย             5        กรัม น้ำตาลมะพร้าว          3        ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ ตั้งกะทิพอเดือดใส่หอม ตะไคร้ คนให้เข้ากัน เมื่อเดือดอีกครั้งใส่ปู ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว พอเดือด ชิมรส กินกับผักสดต่างๆ เช่น ใบบัวบก แตงกวา มะเขือเปราะ เป็นต้น    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire