SLider section

พะแนงเนื้อ

ภาค กลาง

  • recipe image cover

พะแนงเนื้อ

ความเป็นมา

พะแนงเป็นแกงกะทิน้ำขลุกขลิกที่ต้องมีรสหวานนำ ตามด้วยรสเค็ม และมักจะไม่เผ็ดมาก หอมกลิ่นใบมะกรูด แม้ว่าน้ำพริกแกงจะคล้ายกับน้ำพริกแกงเผ็ดแต่น้ำแกงจะข้นกว่า เพราะใส่ถั่วลิสงเพิ่ม มีส่วนคล้ายกับแกงเนื้อของอินโดนีเซียที่มีชื่อเสียง คือ “เรนดัง” แต่หั่นเนื้อชิ้นใหญ่ สันนิษฐานว่า แกงพะแนงได้รับอิทธิพลมาจากจากชวาครั้งสมเด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสชวา ต้นห้องได้นำมาดัดแปลงและหั่นเนื้อให้เป็นชิ้นเล็กพอดีคำ

 

คุณค่าทางโภชนาการ

จานนี้ให้โปรตีนและไขมันสูงมากทั้งจากเนื้อวัวและกะทิ  และมีสมุนไพรสดจากเครื่องพริกแกงที่มีสรรพคุณช่วยย่อย แก้ท้องอืด หอมแดง กระเทียมในน้ำพริกแกงช่วยลดคอเลสเตอรอล และพะแนงยังเป็นกับข้าวรสจัดจึงมักกินกับข้าว ทำให้ปริมาณเหมาะสมไปโดยปริยาย

 

ส่วนผสม

กะทิ                                         2     ถ้วย

เนื้อหั่นบาง                                300 กรัม

น้ำพริกแกงแดง                          ½    ถ้วย

ถั่วลิสงคั่ว                                  2     ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา                                     2     ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลปี๊บ                                 1     ช้อนโต๊ะ

ใบมะกรูด                                  5     กรัม

วิธีทำ

ปั่นน้ำพริกแกงแดงกับถั่วลิสงคั่วให้ละเอียด จากนั้นนำไปผัดกับกะทิให้มีกลิ่นหอม ใส่เนื้อลงไปผัดให้พอสุก เติมกะทิที่เหลือ ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ใส่ใบมะกรูดฉีก คนให้เข้ากันและน้ำแกงงวดลงเล็กน้อยตักเสิร์ฟ โรยใบมะกรูดซอยตกแต่ง และราดกะทิข้นเล็กน้อยให้สวยงาม

ภาค กลาง

น้ำพริกกะปิ

ความเป็นมา น้ำพริกคู่ครัวไทยที่มีมาตั้งแต่อดีตและกินกันทุกครัวเรือน กะปิเรียกได้ว่าเป็นอาหารร่วมของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กินกันทุกประเทศในรูปแบบต่างๆ กัน คำว่า”กะปิ” นี้ว่ากันว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “งาปิ” ซึ่งเป็นภาษามอญ น้ำพริกกะปิของไทยต้องมีรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน และไม่ควรข้นเกินไปเพราะต้องกินกับข้าวและเครื่องเคียงอย่าง ปลาทู ผักสด และผักทอดต่างๆ   คุณค่าทางโภชนาการ กะปิทำจากเคยหมักจึงให้แคลเซียมสูงมาก กะปิ 100 กรัม ให้แคลเซียมสูงถึง 1,554 มิลลิกรัม ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการแคลเซียมในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ในน้ำพริกยังมีกระเทียมที่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด พริกกระตุ้นความอยากอาหาร และมะอึกที่มีรสเปรี้ยวทำให้น้ำพริกมีรสกลมกล่อม อร่อย ทำให้กินผักเครื่องเคียงต่างๆ ที่มีวิตามิน และกากใยได้อีกมากมาย   ส่วนผสม กะปิอย่างดี เผาไฟ                      2     ช้อนโต๊ะ กระเทียม                                   10   กรัม กุ้งแห้งตำละเอียด                       2     ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูเขียว แดง รวมกัน          10   กรัม มะอึก ขูดขนออกหั่นบาง              60   กรัม น้ำตาลปี๊บ                                 1     ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                     2     ช้อนชา น้ำมะนาว                                  2     ช้อนโต๊ะ มะเขือพวงบุบ                            10   กรัม เครื่องเคียง ปลาทูทอด ผักลวก เช่น หน่อไม้ ผักบุ้ง ผักทอด เช่น มะเขือยาวชุบไข่ทอด ไข่ชะอมทอด วิธีทำ ตำกระเทียม และกะปิให้เข้ากันดี ทำให้กลิ่นของกะปิและกระเทียมไม่แรงจนเกินไป จากนั้นใส่กุ้งแห้ง พริกขี้หนู ตำให้พริกพอแหลก ใส่มะอึก ตำเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา คนให้เข้ากัน จากนั้นตักออกจากครกจึงใส่น้ำมะนาว ชิมรสอีกครั้ง จึงใส่มะเขือพวงบุบ


เพิ่มเติม

ภาค อีสาน

แกงอ่อมเนื้อ

ความเป็นมา แกงอ่อมสามารถหาทานได้ทั้งทางภาคเหนือและภาคอีสาน แต่จะแตกต่างกันตรงที่ แกงอ่อมทางอีสานจะใส่ผักชีลาวเป็นหลัก และพริกแกงจะแตกต่างกันไปตามท้องที่   คุณค่าทางโภชนาการ ผักชีลาวในแกงอ่อมมีคุณค่ามากมาย ทั้งช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆในร่างกาย ช่วยลดคอเรสเตอรอล  ลดกรดไหลย้อน ลดอาการนอนไม่หลับ แถมมีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน   ส่วนผสม เนื้อน่องลายหั่นเป็นชิ้น          200    กรัม ผักชีลาวหั่นหยาบ                 2        ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ                   2        ช้อนโต๊ะ ข่าหั่นแว่น                              15      กรัม คะไคร้หั่นท่อน                         10      กรัม ใบมะกรูด                                 2        ใบ มะเขือเปราะ                             20      กรัม ต้นหอมหั่นหยาบ                      20      กรัม น้ำปลาร้า                                  3        ช้อนโต๊ะ ข้าวคั่ว                                        1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                      1        ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า                                     500    มล. ส่วนผสมพริกแกง พริกขี้หนู                           10      กรัม หอมแดง                            30      กรัม กระเทียม                          10      กรัม   วิธีทำ นำส่วนผสมพริกแกงมาโขลกรวมกันให้ละเอียด จากนั้นต้มน้ำในหม้อจนเดือด ใส่พริกแกงลงไปต้มจนเดือด ใส่เนื้อน่องลาย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ต้มต่อจนเดือดอีกครั้ง ใส่มะเขือเปราะหั่นชิ้น ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา ข้าวคั่ว เมื่อจะเสิร์ฟ เร่งไฟแรงอีกครั้ง ใส่ต้นหอม ผักชีลาว ผักชีฝรั่ง ปิดไฟ เทลงชามพร้อมเสิร์ฟ


เพิ่มเติม

ภาค ใต้

กุ้งแม่น้ำต้มมะม่วง

ความเป็นมา กุ้งแม่น้ำเป็นกุ้งที่มีมันกุ้งมากเมื่อนำมาต้มจึงมีความหอมมัน และสีแดงชวนกิน เมื่อใส่มะม่วงเปรี้ยวที่หาได้ง่ายมีรสเปรี้ยวหอมตามธรรมชาติลงไปต้มด้วยกัน แกงนี้จึงเป็นแกงน้ำใสที่ใช้รสเปรี้ยวของมะม่วงใช้แทนน้ำมะนาว รสชาติเหมือนต้มยำของภาคกลาง   คุณค่าทางโภชนาการ กุ้งแม่น้ำเป็นกุ้งน้ำจืดที่มีโปรตีนเหมือนกุ้งทั่วไป แต่มีมันมากซึ่งจะให้ไขมันมากกว่า มะม่วงเป็นแหล่งของวิตามินซี เมื่อนำมาต้มรวมกันใส่สมุนไพรสด เช่น หอม กระเทียม พริก จึงมีกลิ่นหอมอโรมาที่ช่วยให้สดชื่น สมองปลอดโปร่งโดยเฉพาะถ้ากินในฤดูร้อนจะช่วยขับเหงื่อได้อย่างดี   ส่วนผสม กุ้งแม่น้ำ                                 1        กิโลกรัม มะม่วงเปรี้ยวสับเป็นเส้น        100    กรัม หอมแดงซอย                        30      กรัม กระเทียมบุบ                          10      กรัม พริกขี้หนูซอย                         5        กรัม เกลือ น้ำตาล น้ำปลาอย่างละเล็กน้อย น้ำสะอาด                                2        ถ้วย วิธีทำ นำหม้อใส่น้ำตั้งไฟ ใส่กระเทียมบุบ พอเดือดใส่กุ้งแม่น้ำ รอให้เดือดอีกครั้งปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และน้ำปลา ปิดไฟยกลงจากเตา ใส่มะม่วงสับ หอมแดง พริกขี้หนู ปรุงและชิมรสอีกครั้งให้ได้ 3 รส แต่มีรสเปรี้ยวนำ    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire