SLider section

แกงฮังเล

ภาค เหนือ

  • recipe image cover

แกงฮังเล

ความเป็นมา

แกงฮังเล หรือ แกงฮินเล เป็นอาหารไทยที่มีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า โดยคำว่า “ฮิน” ในภาษาพม่า หมายถึง แกง และ “เล” ในภาษาพม่า หมายถึง เนื้อสัตว์ แกงฮังเลหาทานได้ง่ายเพราะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วภาคเหนือ

 

คุณค่าทางโภชนาการ

ขิงมีสรรพคุณหลากหลาย จัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก ช่วยชะลอความแก่และชะลอการเกิดริ้วรอย ขิงมีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และช่วยในการขับเหงื่อ

 

ส่วนผสม

หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้น            1        กิโลกรัม

ซีอิ๊วดำ                                  1        ช้อนโต๊ะ

กระเทียมปอก                     1/2     ถ้วยตวง

ขิงสดหั่นฝอย                      1/2     ถ้วยตวง

น้ำมะขามเปียก                   1/2     ถ้วยตวง

ผงกะหรี่                                1        ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา                                1/2     ถ้วยตวง

น้ำมัน                                  1/2     ถ้วยตวง

น้ำตาลปี๊บ                           1/2     ถ้วยตวง

น้ำสะอาด                            3        ถ้วยตวง

ส่วนผสมพริกแกง

พริกแห้งหั่นแว่น                  6        เม็ด

กระเทียมซอย                     2        ช้อนโต๊ะ

หอมแดงซอย                      2        ช้อนโต๊ะ

ตะไคร้ซอย                          1        ช้อนโต๊ะ

ข่าซอย                                1        ช้อนชา

เกลือป่น                               1        ช้อนชา

กะปิ                                     2        ช้อนชา

วิธีทำ

ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด นำลงไปผัดกับน้ำมันให้หอม ใส่หมูสามชั้นหั่นชิ้นลงไปผัดให้เริ่มสุก ใส่กระเทียม เติมน้ำสะอาด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ซีอิ๊วดำ ผงกะหรี่ คนให้เข้ากันตั้งไฟอ่อนจนเดือด ใส่ขิงสดหั่นฝอยคนให้เข้ากัน ตั้งต่อจนเดือดอีกครั้ง ตักเสิร์ฟ

 

 

ภาค กลาง

แกงเลียง

ความเป็นมา แกงเลียงเป็นแกงน้ำใสที่มีรสเผ็ดร้อนจากพริกไทย จึงน่าจะเป็นแกงโบราณของไทยก่อนที่ไทยจะได้รับอิทธิพลของพริกมาจากชาวโปรตุเกสที่เข้าในสมัยอยุธยา ผักที่ใช้เป็นผักพื้นบ้านที่ปลูกริมรั้วทั้งหมด เช่น ฟักทอง บวบ ตำลึง ใบแมงลัก และใส่กุ้งแห้งเพื่อให้มีรสหวานอร่อย คุณค่าทางโภชนาการ แกงเลียงจัดเป็นอาหารสุขภาพที่มีรสเผ็ดร้อนจากพริกไทย ที่ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร และช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ฟักทองมีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา ตำลึงมีเบต้าแคโรทีนสูงช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ บวบมีใยอาหารสูงและช่วยบำรุงน้ำนม ใบแมงลักมีธาตุเหล็กสูง ช่วยบรรเทาอาการหวัด และแก้วิงเวียนศีรษะ โปรตีนได้จากกุ้งแห้งและเนื้อกุ้งสด ส่วนผสมน้ำพริกแกงเลียง กุ้งแห้งตำละเอียด                       ½    ถ้วย หอมแดงซอย                             ¼    ถ้วย พริกไทยเม็ด                              1     ช้อนโต๊ะ กะปิ                                          1     ช้อนชา ส่วนผสม กุ้งสดแกะเปลือก                         200 กรัม ฟักทองหั่นชิ้นใหญ่                     300 กรัม บวบหั่นชิ้นใหญ่                         300 กรัม ใบตำลึง                                    1     ถ้วย ข้าวโพดอ่อนหั่น                         100 กรัม ใบแมงลัก                                  1     ถ้วย น้ำปลา วิธีทำ ปั่นหรือตำส่วนผสมน้ำพริกแกงเลียงให้เข้ากัน นำไปละลายในน้ำทีละน้อยให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเติมน้ำซุป หรือน้ำสะอาด ขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน และบวบต้มให้สุกนุ่ม ใส่กุ้งสด


เพิ่มเติม

ภาค เหนือ

แกงฮังเล

ความเป็นมา แกงฮังเล หรือ แกงฮินเล เป็นอาหารไทยที่มีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า โดยคำว่า “ฮิน” ในภาษาพม่า หมายถึง แกง และ “เล” ในภาษาพม่า หมายถึง เนื้อสัตว์ แกงฮังเลหาทานได้ง่ายเพราะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วภาคเหนือ   คุณค่าทางโภชนาการ ขิงมีสรรพคุณหลากหลาย จัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก ช่วยชะลอความแก่และชะลอการเกิดริ้วรอย ขิงมีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และช่วยในการขับเหงื่อ   ส่วนผสม หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้น            1        กิโลกรัม ซีอิ๊วดำ                                  1        ช้อนโต๊ะ กระเทียมปอก                     1/2     ถ้วยตวง ขิงสดหั่นฝอย                      1/2     ถ้วยตวง น้ำมะขามเปียก                   1/2     ถ้วยตวง ผงกะหรี่                                1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                1/2     ถ้วยตวง น้ำมัน                                  1/2     ถ้วยตวง น้ำตาลปี๊บ                           1/2     ถ้วยตวง น้ำสะอาด                            3        ถ้วยตวง ส่วนผสมพริกแกง พริกแห้งหั่นแว่น                  6        เม็ด กระเทียมซอย                     2        ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย                      2        ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย                          1        ช้อนโต๊ะ ข่าซอย                                1        ช้อนชา เกลือป่น                               1        ช้อนชา กะปิ                                     2        ช้อนชา วิธีทำ ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด นำลงไปผัดกับน้ำมันให้หอม ใส่หมูสามชั้นหั่นชิ้นลงไปผัดให้เริ่มสุก ใส่กระเทียม เติมน้ำสะอาด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ซีอิ๊วดำ ผงกะหรี่ คนให้เข้ากันตั้งไฟอ่อนจนเดือด ใส่ขิงสดหั่นฝอยคนให้เข้ากัน ตั้งต่อจนเดือดอีกครั้ง ตักเสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ตะโก้

    ความเป็นมา ตะโก้เป็นขนมไทยที่ใช้แป้งข้าวเจ้า และแป้งถั่วเขียว มาผสมน้ำตาล และน้ำลอยดอกมะลิ ที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์หอมชื่นใจ กวนรวมกันให้มีเนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ และราดหน้าด้วยหัวกะทิรสเค็มมัน เนื้อสัมผัสนุ่มเนียนเหมือนวิปครีมของฝรั่ง ตะโก้จึงเป็นขนมยอดนิยมที่ขายดีในต่างประเทศ   คุณค่าทางโภชนาการ น้ำตาลซึ่งเป็นส่วนผสมหลักและรสชาติโดดเด่นในขนมหวาน จัดเป็นคาร์โบไฮเดรทเช่นเดียวกับแป้ง ในกระบวนการย่อยอาหารน้ำตาลต่างๆ จะเปลี่ยนเป็นกลูโคส ตะโก้มีส่วนผสมของกะทิที่หยอดหน้า ซึ่งมีไขมันอิ่มตัว แม้ว่าจะเป็นขนมชิ้นเล็กแต่ก็ไม่ควรกินมาก เกินไป นักโภชนาการแนะนำว่าวันหนึ่งไม่ควรกินน้ำตาลเกิน 6-8 ช้อนชา   ส่วนผสม แป้งข้าวเจ้า                                          1        ถ้วย แป้งมันสำปะหลัง                                 ½       ถ้วย แป้งถั่ว                                                  ¼       ถ้วย น้ำลอยดอกมะลิ                                    4        ถ้วย แห้ว /เผือกนึ่ง/ เม็ดบัวนึ่งหั่นชิ้นเล็ก    1        ถ้วย   ส่วนผสมน้ำเชื่อม น้ำ 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ถ้วย ส่วนผสมกะทิราดหน้า หัวกะทิ 1 ½ ถ้วย แป้งข้าวเจ้า ¾ ถ้วย เกลือ 1 ½ ช้อนชา ผสมรวมกัน ตั้งไฟจนข้น   วิธีทำ ผสมแป้งทั้ง 3 ชนิด นวดกับน้ำลอยดอกมะลิ โดยค่อยๆ ใส่น้ำทีละน้อยจนหมด นำไปตั้งไฟกวน  ค่อยๆ เติมน้ำเชื่อมไปเรื่อยๆ จนแป้งสุก ใส่แห้วจีน กวนจนข้นเหนียว ตักใส่กระทงและหยอดหน้ากะทิ    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire