SLider section

แกงอ่อมหมู

ภาค เหนือ

  • recipe image cover

แกงอ่อมหมู

ความเป็นมา

แกงอ่อมหมูของทางภาคเหนือ จะแตกต่างจากแกงอ่อมในภาคอีสาน เพราะมีพริกแกงที่รสชาติจัดจ้านกว่า สมัยก่อนแกงอ่อมของชาวล้านนาจะเป็นอาหารที่นิยมทานกันในช่วงเวลาที่สำคัญๆท่านั้น

 

คุณค่าทางโภชนาการ

เครื่องแกงของแกงอ่อมมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่นตะไคร้แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ ข่าช่วยบำรุงร่างกาย กระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

 

ส่วนผสม

หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ            200    กรัม

ข่าอ่อนซอย                                   10      กรัม

ตะไคร้ซอย                                    15      กรัม

ใบมะกรูด                                        4        ใบ

รากผักชี                                         10      กรัม

ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ                          1        ช้อนโต๊ะ

ผักชีซอย                                        1        ช้อนโต๊ะ

ต้นหอมซอย                                  1        ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืชสำหรับผัด

ส่วนผสมพริกแกง

พริกแห้ง                                     7        เม็ด

หอมแดง                                     30      กรัม

กระเทียม                                    15      กรัม

ข่าซอย                                       1        ช้อนโต๊ะ

ตะไคร้ซอย                                  1        ช้อนโต๊ะ

รากผักชีซอย                                1        ช้อนชา

กะปิ                                             1        ช้อนชา

วิธีทำ

ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด นำลงไปผัดกับน้ำมันจนมีกลิ่นหอม ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนหมูเริ่มสุก ใส่ข่า ตะไคร้ รากผักชี ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำลงให้พอท่วมเนื้อหมู เคี่ยวต่อจนเนื้อนุ่ม ใส่ใบมะกรูด และผักชีฝรั่ง ตั้งไฟจนเดือด ยกลง ตักเสิร์ฟพร้อมโรยด้วยต้นหอม ผักชี

 

 

ภาค ใต้

ต้มกะทิหน่อไม้กุ้งสด

ความเป็นมา คนใต้ชอบกินแกงกะทิแต่ไม่นิยมเป็นแกงเผ็ดเสมอไป แกงนี้จึงเป็นแกงกะทิรสหวานตามธรรมชาติ ที่ช่วยให้หวานขึ้นจากหน่อไม้ที่มีมากในฤดูฝน ใส่เนื้อสัตว์อย่างกุ้งสดที่ช่วยให้กะทิหอมหวานยิ่งขึ้น และใส่สะตอเนื้อนุ่มกรุบรสมัน เพิ่มความอร่อยได้อีกหลายเท่าตัว   คุณค่าทางโภชนาการ หน่อไม้เป็นต้นอ่อนของไผ่ที่มาพร้อมกับฤดูฝน พอฝนโปรยก็จะแทงหน่อข้างๆ ต้นไผ่ เนื้อจะชุ่มน้ำ รสหวาน มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสพอสมควร มีกากใยสูงที่ช่วยในการขับถ่าย แกงนี้เป็นแกงกะทิรสหวานตามธรรมชาติที่ใส่สะตอเม็ดเขียวที่ให้ทั้งพลังงานและโปรตีน สะตอ 100 กรัมมีโปรตีนถึง 8 กรัม และเมื่อใส่กุ้งสดซึ่งเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แกงนี้จึงมีโปรตีนทั้งจากพืชและสัตว์ครบถ้วน   ส่วนผสม กุ้งสด                                       200    กรัม หน่อไม้สดหั่นเป็นชิ้นบาง        200    กรัม สะตอ                                        80      กรัม กะทิ                                           2        ถ้วย กระเทียมบุบ                             10      กรัม เกลือ น้ำตาล อย่างละเล็กน้อย   วิธีทำ ลวกหน่อไม้เตรียมไว้ นำกะทิขึ้นตั้งไฟใส่กระเทียม เมื่อกะทิเดือดใส่หน่อไม้ลงไป ใส่สะตอ รอให้เดือดอีกครั้งใส่กุ้ง ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล    


เพิ่มเติม

ภาค เหนือ

น้ำพริกข่า

    ความเป็นมา น้ำพริกข่า เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะค่อนข้างแห้งอีกชนิดหนึ่ง ชาวล้านนานิยมรับประทานกัน ทานคู่กับเนื้อสัตว์ตากแห้ง ข้าวเหนียว และผักสด   คุณค่าทางโภชนาการ ข่ามีสรรพคุณช่วยย่อย ช่วยขับลม แก้จุกเสียดแน่นท้อง ช่วยแก้ไอ แก้หวัด ลดน้ำมูก แก้หอบหืด ข่าช่วยลดอาการปวด ไม่ว่าจะแก้ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ ปวดฟัน   ส่วนผสม พริกขี้หนูแห้ง          20      เม็ด กระเทียม                 20      กรัม ข่าหั่น                       1        ช้อนโต๊ะ เกลือ                      ¼       ช้อนชา วิธีทำ โขลกเกลือ กระเทียม และข่า รวมกันให้ละเอียดใส่พริกขี้หนูแห้งย่างไฟ ลงโขลกรวมกันจนละเอียดตักขึ้น ทานคู่กับเนื้อแห้ง ข้าวเหนียว ผักสด      


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน

    ความเป็นมา ขนมน้ำกะทิเป็นของหวานพื้นบ้านของไทยที่นำกะทิมาผสมน้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลโตนดซึ่งมีกลิ่นหอม และรสไม่หวานแหลม น้ำกะทิกินกับลอดช่อง ข้าวเหนียวดำ ใส่น้ำแข็ง และใส่ผลไม้รสหวานหอมอย่างทุเรียนกินกับข้าวเหนียวมูนที่ให้รสหวานมันอร่อย   คุณค่าทางโภชนาการ ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงพอสมควร เนื้อทุเรียน 200 กรัมให้วิตามินซีเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายใน 1 วัน มีสารซัลเฟอร์หรือกำมะถันตามธรรมชาติ ทุเรียน 100 กรัมให้พลังงานมากกว่าผลไม้ทั่วไปถึง 3 เท่า เมื่อกินกับข้าวเหนียวมูนที่มีกะทิเป็นส่วนผสมยิ่งให้พลังงานเพิ่มขึ้น จึงไม่ควรรับประทานมากเกินไป   ส่วนผสม ข้าวเหนียวมูน                               200    กรัม เนื้อทุเรียนสุก                                150    กรัม กะทิ                                                 3        ถ้วย น้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลมะพร้าว       1 ½    ถ้วย เกลือเล็กน้อย   วิธีทำ ละลายน้ำตาลในน้ำกะทิจนหมด นำไปตั้งไฟให้ร้อนจัดแต่ไม่ให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ให้เย็น ใส่เนื้อทุเรียนลงไป พักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง นำมาตักราดหน้าข้าวเหนียวมูน    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire