SLider section

แกงคั่วผักกูดกับกุ้ง

ภาค ใต้

  • recipe image cover

แกงคั่วผักกูดกับกุ้ง

ความเป็นมา

แกงคั่วใช้น้ำพริกแกงเผ็ดที่ไม่ใส่เครื่องเทศอย่างลูกผักชี ยี่หร่า เป็นแกงพื้นบ้านที่ใช้น้ำพริก

แกงแดงทั่วไป แต่แกงคั่วทางใต้ไม่นิยมรสหวานหรือ 3 รสเหมือนทางภาคกลาง จึงได้รสหวานอร่อยตามธรรมชาติจากกะทิและกุ้งที่ทำกินกันง่ายๆ ทั่วไป

 

คุณค่าทางโภชนาการ

ผักกูดจัดเป็นเฟิร์นที่กินได้ ขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ดีและไม่มีสารเคมี จึงจัดเป็นผักปลอดสารพิษตามธรรมชาติที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เมื่อนำไปแกงกับกะทิที่มีไขมันจึงช่วยดึงวิตามินเอได้อย่างดี ช่วยแก้ดวงตาฝ้าฟางและทำให้แข็งแรง

 

ส่วนผสม

กุ้งสดปอกเปลือก                  200    กรัม

ผักกูดเด็ดเป็นชิ้นยาว             150    กรัม

กะทิ                                         2        ถ้วย

น้ำพริกแกงคั่ว                         3        ช้อนโต๊ะ

เกลือเล็กน้อย

 

วิธีทำ

ตั้งกะทิพอเดือดใส่น้ำพริกแกงคนให้ละลาย รอกะทิแตกมันเล็กน้อยใส่กุ้ง พอเดือดใส่ผักกูดลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ ต้มจนผักสุกตักเสิร์ฟร้อนๆ

 

 

ภาค อีสาน

หมกปลาดุก

    ความเป็นมา หมกปลาดุก เป็นอาหารที่ทำได้ไม่ยาก สามารถหาส่วนผสมได้ทั่วไป หมกคือการห่อด้วยใบตองและทำให้สุกด้วยการนึ่ง ดังนั้นคุณค่าทางสารอาหารจึงอยู่ครบถ้วน มากกว่าการทำอาหารประเภทอื่นๆ   คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อปลาดุกย่างมีสรรพคุณคือ มีโปรตีนสูง และไขมันต่ำ ผักชีลาวช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆในร่างกาย ช่วยลดคอเลสเตอรอลลดกรดไหลย้อน ลดอาการนอนไม่หลับ แถมมีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน   ส่วนผสม ปลาดุกหั่นชิ้น                      600    กรัม พริกขี้หนูแดง                      5        เม็ด ตะไคร้หั่น                          2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                2        ช้อนโต๊ะ ใบแมงลัก                           1/2     ถ้วยตวง ต้นหอมหั่น                         1/2     ถ้วยตวง ผักชีลาวหั่น                        ½       ถ้วยตวง น้ำปลาร้า                            2        ช้อนโต๊ะ ข้าวเบือ                                 2        ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ โขลกพริกขี้หนู และตะไคร้ให้ละเอียด นำไปคลุกเคล้ากับปลาดุกในอ่างผสม ใส่ใบแมงลัก ต้นหอม ผักชีลาว น้ำปลา น้ำปลาร้า และข้าวเบือ คลุกเคล้าให้เข้ากันตักส่วนผสมใส่ใบตองพอประมาณ แล้วห่อให้สนิท จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พร้อมเสิร์ฟ      


เพิ่มเติม

ภาค อีสาน

ตำถาด

    ความเป็นมา ตำถาด คือส้มตำที่มีเครื่องเคียงต่างๆวางไว้ด้วยกัน โดยจัดไว้อยู่ในถาด หรือในภาชนะเดียวกัน เพื่อสะดวกในการรับประทานและเพิ่มรสชาติ เป็นส้มตำที่ดัดแปลงมาเพื่อให้ถูกใจคนที่ชื่นชอบการทานส้มตำ   คุณค่าทางโภชนาการ ส้มตำไทย เป็นอาหารสุขภาพ ที่เปี่ยมไปด้วยวิตามินเกลือแร่จากผัก และเครื่องปรุงต่างๆ เช่น มะละกอมีเอนไซน์ปาปีน ที่ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดี น้ำมะนาว มะเขือเทศ พริกขี้หนูมีวิตามินซีสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์ต่างๆจากเครื่องเคียงที่ใส่ลงไป   ส่วนผสม มะละกอดิบสับเป็นเส้น      100    กรัม มะเขือเทศ                         20      กรัม มะกอก                                10      กรัม ปูดอง                                   1        ตัว น้ำปลา                                  1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลาร้า                               2        ช้อนโต๊ะ มะนาว                                      1        ลูก กระเทียม                                  5        กรัม พริกขี้หนู                                   5        กรัม มะเขือเปราะ                             10      กรัม เครื่องเคียงตำถาด กุ้งต้มสุก                               100    กรัม ไข่ต้ม                                     1        ฟอง ไส้กรอกอีสานทอด                120    กรัม หมูยอ                                      1/2     ถ้วย แคบหมู                                    1/2     ถ้วย มะเขือเปราะ                             40      กรัม ผักสลัด ขนมจีน วิธีทำ โขลกกระเทียม พริกขี้หนูในครกให้พอแหลก ใส่ถั่วฝักยาวโขลกพอแหลกปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำมะนาว โขลกเบาๆ ใส่มะละกอ มะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น ฝานมะกอกเป็นชิ้นบางใส่ลงโขลกเข้าด้วยกันจัดใส่ถาดไว้ตรงกลางแล้วนำเครื่องเคียงวางโดยรอบ    


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

แกงเผ็ดไก่

ความเป็นมา คนไทยเริ่มใช้กะทิในการทำอาหารโดยดัดแปลงมาจากการใช้นมของพวกอาหรับที่เดินทางมาค้าขายในสมัยอยุธยา แต่เดิมคนไทยมีแต่แกงน้ำใส และมีน้ำพริกแกงที่ใช้สมุนไพรสดมาตำรวมกันเพื่อให้แกงมีรสชาติเข้มข้นขึ้น เมื่อนำเอากะทิมาใช้ผสมในน้ำแกง และใส่สมุนไพรอย่างใบโหระพาเพื่อให้มีกลิ่นสดชื่น จึงทำให้กลายเป็นแกงที่มีรสชาติกลมกล่อมน่ากิน คุณค่าทางโภชนาการ แม้แกงไก่จะใช้กะทิที่มีไขมันอิ่มตัวสูงซึ่งอาจจะมีปัญหากับคอเลสเตอรอล แต่ก็มีสมุนไพรจากพริกแกงโดยเฉพาะพริกที่มีรสเผ็ดเพราะมีสารแคปไซซินช่วยขยายช่องจมูกให้ใหญ่ขึ้น จึงช่วยขับเสมหะ และลดการอุดตันของหลอดเลือด มะเขือพวงมีแคลเซียม เหล็ก และฟอสฟอรัสสูง ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยในการย่อยอาหาร มะเขือเปราะที่มีกากใยที่ช่วยระบายท้อง ใบโหระพาที่มีเบต้าแคโรทีนสูง โหระพา 100 กรัม มีเบต้าแคโรทีนสูงถึง 452.16 ไมโครกรัม แกงเผ็ดไก่จึงไม่ได้เป็นอาหารที่มีไขมันสูงอย่างที่หลายคนกลัว ถ้าเรากินอย่างพอเหมาะ ส่วนผสม กะทิ                                         4     ถ้วย เนื้อไก่                                      300 กรัม น้ำพริกแกงแดง                          ½    ถ้วย มะเขือเปราะ                              100 กรัม มะเขือพวง                                 20   กรัม ใบโหระพา                                50   กรัม พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ                      10   กรัม น้ำปลา น้ำตาลเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำพริกแกงแดง พริกแห้ง 9 เม็ด กรีดเม็ดออกและแช่น้ำจนนุ่ม ตะไคร้ซอยบาง ¼ ถ้วย หอมแดงซอย  ¼ ถ้วย กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนชา รากผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนชา พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา กะปิ 1 ช้อนชา ลูกผักชีคั่ว 4 ช้อนชา ยี่หร่าคั่ว 2 ช้อนชา ตำหรือปั่นทุกอย่างรวมกันจนละเอียด วิธีทำ    ผัดเครื่องแกงกับกะทิเล็กน้อยจนหอม ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้ผิวด้านนอกสุกขาว จากนั้นในกะทิลงไป เติมน้ำสะอาดเล็กน้อยต้มจนเริ่มเดือดและกะทิแตกมัน ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง และปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาล ชิมรส เมื่อต้องการเสิร์ฟให้ใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดง ตักขึ้นเสิร์ฟร้อนๆ  


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire