SLider section

ยำจิ้นไก่

ภาค เหนือ

  • recipe image cover

ยำจิ้นไก่

ความเป็นมา

ยำจิ้นไก่ มีที่มาจากพิธีเลี้ยงผีไก่ต้มของชาวล้านนา เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วก็นำไก่ต้มมาทำยำจิ้นไก่รับประทานกัน แม้ชื่อจะคล้ายกับอาหารประเภทยำ แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นอาหารประเภทต้ม

 

คุณค่าทางโภชนาการ

เนื้อไก่มีโปรตีน อีกทั้งส่วนผสมยังมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น เห็ดฟาง มีวิตามินซี จำนวนมากลดการติดเชื้อ ช่วยสมานแผล ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด โรคเหงือก ลดอาการผื่นคัน  หัวปลีช่วยในการขับน้ำนมของคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร

 

ส่วนผสม

ไก่ต้ม ฉีกเป็นชิ้น                  150       กรัม

เห็ดฟาง ผ่าครึ่ง ต้มสุก           80      กรัม

หัวปลีต้ม ฉีกเป็นชิ้น              100      กรัม

ผักชีซอย                                 2        ช้อนโต๊ะ

ต้นหอมซอย                            2        ช้อนโต๊ะ

ผักชีฝรั่งซอย                           2        ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมพริกแกง

พริกแห้ง                                 5        เม็ด

ข่าเผาซอย                             1        ช้อนชา

ตะไคร้เผาซอย                       15      กรัม

หอมแดงซอย                         30     กรัม

กระเทียม                                40     กรัม

วิธีทำ

ตำหรือปั่นส่วนผสมพริกแกงให้ละเอียด นำเครื่องแกงลงไปผัดให้หอม จากนั้นเติมน้ำสะอาดหรือน้ำซุปลงไป ใส่ไก่ต้ม เห็ดฟาง และหัวปลี ต้มจนเดือด ใส่ผักชีฝรั่งซอย ตักขึ้น โรยหน้าด้วยต้นหอม และผักชี

ภาค กลาง

กระเพาะปลา

    ความเป็นมา กระเพาะปลาเป็นอาหารจีนอีกชนิดที่มาพร้อมกับคนจีนที่มีฐานะ จัดเป็นอาหารชั้นสูงราคาแพง แต่เดิมมีขายเฉพาะในภัตตาคารก่อนที่จะแพร่หลายและมีขายทั่วไป กระเพาะปลาทำจากกระเพาะปลาตากแห้งและนำไปทอด ก่อนที่จะนำไปตุ๋นให้นุ่มในน้ำซุปจากหมูและไก่ ซึ่งต้องเคี่ยวและใช้เวลานานกว่าจะนุ่ม ในปัจจุบันมีการใส่หน่อไม้ และเลือดไก่ เป็นส่วนผสมที่คนไทยใส่เพิ่มไปซึ่งแตกต่างจากของจีน   คุณค่าอาหาร กระเพาะปลาเป็นอาหารสุขภาพของจีนจัดอยู่ในประเภท “อาหารโป๊ว”  ที่บำรุงร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะเมือกที่หุ้มกระเพาะปลาอยู่เวลาต้มแล้วจะทำให้น้ำซุปหนืดๆ ถือว่าช่วยรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้อย่างดี กระเพาะปลา 1 ชามให้พลังงาน 150 กิโลแคลอรี   ส่วนผสม กระเพาะปลาแห้ง                200    กรัม เลือดไก่                               100    กรัม เนื้อไก่หั่นชิ้นเล็ก                  250    กรัม ไข่นกกระทาต้มสุก               10      ฟอง หน่อไม้หั่น                             100    กรัม ซอสปรุงรส ซีอิ๊ว น้ำมันหอย แป้งมันผสมน้ำเล็กน้อย โครงไก่ กระดูกไขสันหลังหมู รากผักชี สำหรับทำน้ำซุป เครื่องปรุงรส พริกน้ำส้ม ซอสเปรี้ยวของจีน (จิ๊กโฉ่ว ) พริกไทย   วิธีทำ ล้างกระเพาะปลาโดยแช่น้ำให้นุ่ม บีบให้แห้ง นำไปผัดกับขิงและเหล้าจีนให้พอหอมและหมดกลิ่นหืน นำไปต้มอีกครั้งบีบให้แห้ง จากนั้นทำน้ำซุปโดยต้มโครงกระดูกไก่ กระดูกหมู ด้วยไฟอ่อน จนน้ำซุปใสได้ที่ กรองน้ำซุป นำไปต้มกระเพาะปลา เนื้อไก่ หน่อไม้ เลือดไก่ ต้มจนทุกอย่างสุกนุ่ม ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊ว น้ำมันหอย ใส่แป้งมันละลายน้ำพอให้ข้นเหนียว ตักใส่ชามโรยผักชี พริกไทยป่น เติมพริกน้ำส้ม ซอสเปรี้ยวตามชอบ    


เพิ่มเติม

ภาค เหนือ

น้ำพริกอ่อง

ความเป็นมา น้ำพริกอ่องมีมะเขือเทศเป็นส่วนผสมหลัก เป็นอีกหนึ่งน้ำพริกของชาวล้านนาที่นิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย  ลักษณะเด่นของน้ำพริกอ่อง คือ มีรสชาติที่ครบ ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด นิยมรับประทานกับผักสดหรือผักต้มก็ได้   คุณค่าทางโภชนาการ มะเขือเทศช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง และมีวิตามินเอมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา   ส่วนผสม มะเขือเทศผลเล็ก                 200    กรัม เนื้อหมูสับละเอียด                300    กรัม น้ำมันพืช                                2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                                    2        ช้อนโต๊ะ ต้นหอม ผักชีหั่นหยาบ           3        ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมพริกแกง พริกชี้ฟ้าแห้ง                      8        เม็ด กระเทียม                            10      กรัม เกลือป่น                              1        ช้อนชา หอมแดงซอย                      30      กรัม ถั่วเน่าชนิดแผ่นย่างไฟ        20      กรัม รากผักชี                               1        ช้อนโต๊ะ กะปิ                                      1        ช้อนชา   วิธีทำ ปั่นหรือตำส่วนผสมพริกแกงจนละเอียด นำลงไปผัดให้มีกลิ่นหอมใส่หมูสับผัดจนสุก ใส่มะเขือเทศลงไปผัดจนสุกนุ่มและเริ่มแห้งลงเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมรส เมื่อได้ที่ดีแล้วตักขึ้นโรยต้นหอมและผักชี เสิร์ฟ    


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ห่อหมกปลาช่อน

    ความเป็นมา การนึ่งในอาหารไทยนั้นคาดว่าได้รับวิธีนี้มาจากชาวจีน มาผสมผสานกับรสชาติและวัตถุดิบอย่างไทย โดยการใช้น้ำพริกแกงผสมในกะทิและเนื้อปลา คนในอ่างดินเนื้อหยาบเพื่อให้เนื้อปลาค่อยๆ ขูดไปกับอ่างดินและละลายปนไปกับกะทิจนส่วนผสมข้นเพื่อให้เนื้อห่อหมกละเอียด นับเป็นวิธีการทำที่น่ายกย่อง อีกทั้งการใส่กระทงใบตองและผักอย่างใบโหระพาช่วยให้มีกลิ่นหอมชวนกินเมื่อนึ่งเสร็จ   คุณค่าอาหาร ห่อหมกได้โปรตีนจากเนื้อปลาและไขมันจากกะทิไปพร้อมๆ กัน ซึ่งปริมาณไขมันไม่มากเกินไป เนื้อปลายังย่อยง่าย ในน้ำพริกแกงมีพริกและสมุนไพรช่วยแก้ท้องอืดและช่วยย่อย  แม้ว่ากินอิ่มแต่จะไม่รู้สึกแน่นท้อง ส่วนผักให้วิตามินและกากใยได้ดี   ส่วนผสม ปลาช่อนล้างสะอาดหั่นเป็นชิ้น          1        กก. กะทิ                                                    3        ถ้วย หัวกะทิ (สำรับหยอดหน้า )               ½       ถ้วย น้ำพริกห่อหมก                                  ½       ถ้วย ไข่                                                       1        ฟอง น้ำปลา                                               3        ช้อนโต๊ะ ผักรองก้นกระทง เช่น ใบยอ ใบโหระพา ผักกาดขาวลวก กะหล่ำปลีลวก พริกแดงหั่นฝอย ผักชี สำหรับโรยหน้า   วิธีทำ นำหัวกะทิไปตั้งไฟจนเดือด ใส่แป้งข้าวเจ้าละลายน้ำเล็กน้อย คนให้เข้ากันจนข้น พักไว้สำหรับหยอดหน้าเทกะทิใส่อ่างดิน ใส่เนื้อปลา คนให้เข้ากันดี ใส่น้ำพริกคนจนข้นเล็กน้อย ตอกไข่ใส่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา คนจนเข้ากันดีและส่วนผสมข้นหนืดนำผักรองไว้ก้นกระทง ตักส่วนผสมห่อหมกใส่ นำไปนึ่งไฟแรงจนสุกราดกะทิ โรยใบมะกรูด โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้า ผักชี นึ่งต่อเล็กน้อย เสิร์ฟ


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire