SLider section

น้ำพริกจิ๊นหมู

ภาค เหนือ

  • recipe image cover

น้ำพริกจิ๊นหมู

 

 

ความเป็นมา

น้ำพริกจิ๊นหมูคือการใช้หมูสับโขลกรวมกับพริก หอมแดงและกระเทียม จะได้น้ำพริกผสมเนื้อสัตว์ที่ทานได้ง่ายและถูกปาก สามารถทำรับประทานเองได้ไม่ยาก

 

คุณค่าทางโภชนาการ

เนื้อหมูมีโปรตีนมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย หอมแดง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงหัวใจกระเทียมช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

 

ส่วนผสม

เนื้อหมูบด                  100    กรัม

พริกชี้ฟ้าย่างไฟ         20      กรัม

หอมแดงย่างไฟ          30      กรัม

กระเทียมย่างไฟ         10      กรัม

เกลือ                           ½       ช้อนชา

 

วิธีทำ

นำหมูสับไปต้มพอสุก ตักขึ้นพักไว้ โขลกพริก หอมแดง กระเทียม รวมกันให้ละเอียด

ใส่หมูสับ โขลกให้เข้ากัน จัดใส่ภาชนะทานคู่กับผักสด

 

 

 

ภาค อีสาน

ตับหวาน

ความเป็นมา ตับหวาน เป็นอาหารที่มีลักษณะคล้ายกับลาบ แต่ใช้ตับวัว หรือหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำแล้วนำมาลวกสุก ๆ ดิบ คลุกเคล้าส่วนผสมเหมือนกับลาบ   คุณค่าทางโภชนาการ ตับหมูมีธาตุเหล็ก ช่วยเรื่องการผลิตเม็ดเลือดแดง หอมแดง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงหัวใจผักชีฝรั่ง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ใบสะระแหน่ช่วยบำรุงสายตา คลายเครียด ต้นหอม ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด   ส่วนผสม ตับหมู                     350    กรัม หอมแดงซอย             20      กรัม ต้นหอมซอย              1        ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ       1        ช้อนโต๊ะ ใบสะระแหน่             10      กรัม ข้าวคั่วป่น                2        ช้อนโต๊ะ พริกป่น                   1        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                    2        ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว                2        ช้อนโต๊ะ


เพิ่มเติม

ภาค ใต้

กระดูกหมูอ่อนต้มใบชะมวง

ความเป็นมา ชะมวง หรือ ส้มมวง คำว่า ส้ม มักหมายความว่าต้องมีรสเปรี้ยว คนใต้นำผลและใบแก่ของชะมวงมาหมักทำให้เป็นกรดสำหรับฟอกหนังวัวหนังควายเพื่อแกะเป็นตัวหนังตะลุง รสเปรี้ยวนี้ยังนำมาทำอาหารได้อร่อยทั้งแกงส้ม ต้มส้ม และแกงน้ำใสอย่างกระดูกหมูอ่อนต้มใบชะมวง   คุณค่าทางโภชนาการ ใบชะมวงมีสีเขียวและรสเปรี้ยว สีเขียวเป็นบ่อเกิดของเบต้าแคโรทีน วิตามินบี1 แร่ธาตุอีกมากมาย รวมทั้งแคลเซียม เหล็ก และฟอสฟอรัส รสเปรี้ยวมีวิตามินซีซึ่งจะทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น จะส่งผลให้มีเม็ดเลือดแดงมากพอในการลำเลียงออกซิเจนไปให้เซลล์เล็กๆ ในร่างกาย ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงไม่แตกง่าย และยังช่วยให้เหงือกแข็งแรง ไม่เป็นโรคเลือดออกตามไรฟันอีกด้วย   ส่วนผสม กระดูกหมูอ่อน 500 กรัม ใบชะมวงฉีกเอาก้านใบออก  80 กรัม (อัดแน่น) หอมแดงบุบ  40 กรัม กระเทียมบุบ  10 กรัม น้ำสะอาด  5 ถ้วย เกลือ  1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ต้มกระดูกหมูอ่อนในน้ำสะอาด ใส่เกลือ กระเทียม และหอมแดงจนสุก และกระดูกหมูอ่อนนุ่ม จากนั้นจึงใส่ใบชะมวง ต้มจนใบชะมวงสุก ตักเสิร์ฟ


เพิ่มเติม

ภาค กลาง

ขนมจีนน้ำยา

ความเป็นมา ขนมจีนน้ำยาเป็นอาหารที่สันนิษฐานว่าไทยรับมาจากมอญ ซึ่งในอดีตจัดเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ชาติหนึ่งในสุวรรณภูมิ พม่าซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านก็มีอาหารจานนี้แต่จะใส่หยวกกล้วยลงไปด้วยเพื่อทำให้น้ำยาข้นขึ้น แต่คนไทยนิยมกินเนื้อปลามากกว่า จึงใส่เฉพาะเนื้อปลาที่ตำละเอียดใส่ลงไป และใส่ปลาเค็มเพื่อให้มีกลิ่นหอมและรสเค็มกลมกล่อม   คุณค่าทางโภชนาการ ขนมจีนน้ำยาเป็นอาหารจานเดียวที่ครบหมู่ เพราะมีคาร์โบไฮเดรตจากขนมจีน โปรตีนจากเนื้อปลา และมีวิตามินจากผักสดต่างๆ ที่กินเป็นเครื่องเคียง และมีกากใยอาหารอย่างดีที่ช่วยระบบขับถ่าย นอกจากสมุนไพรต่างๆ ที่ช่วยขับลมแล้ว ยังใส่กระชายเพื่อดับกลิ่นคาวของปลา  ซึ่งมีสรรพคุณช่วยชะลอความแก่ มีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค   ส่วนผสม ขนมจีน                                     1     กิโลกรัม น้ำพริกแกงเผ็ดไม่ใส่เครื่องเทศ     ½    ถ้วย กระชายขูดหั่นชิ้นเล็กๆ                ½    ถ้วย ปลาช่อนหรือปลาเนื้อขาวต้มสุกแกะเฉพาะเนื้อ     2     ถ้วย ปลาเค็มปิ้งแกะเฉพาะเนื้อ             ½    ถ้วย กะทิ                                         4     ถ้วย น้ำต้มปลาเคี่ยว                          1     ถ้วย น้ำปลา ผักเครื่องเคียง ใบแมงลัก ถั่วงอก มะระหั่นชิ้นบาง วิธีทำ ผัดน้ำพริกแกงกับกะทิเล็กน้อยพอให้หอม ใส่เนื้อปลา และปลาเค็มปิ้งลงไปผัดให้เข้ากัน ใส่กระชายผัดให้มีกลิ่นหอม ใส่กะทิลงไปคนให้เนื้อปลาละลายไปกับน้ำกะทิ เติมน้ำต้มปลา ปรุงรส ตั้งไฟให้เดือด นำไปราดลงบนขนมจีน เสิร์ฟคู่ผักเคียง


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire