SLider section

กระเพาะปลา

ภาค กลาง

  • recipe image cover

กระเพาะปลา

 

 

ความเป็นมา

กระเพาะปลาเป็นอาหารจีนอีกชนิดที่มาพร้อมกับคนจีนที่มีฐานะ จัดเป็นอาหารชั้นสูงราคาแพง แต่เดิมมีขายเฉพาะในภัตตาคารก่อนที่จะแพร่หลายและมีขายทั่วไป กระเพาะปลาทำจากกระเพาะปลาตากแห้งและนำไปทอด ก่อนที่จะนำไปตุ๋นให้นุ่มในน้ำซุปจากหมูและไก่ ซึ่งต้องเคี่ยวและใช้เวลานานกว่าจะนุ่ม ในปัจจุบันมีการใส่หน่อไม้ และเลือดไก่ เป็นส่วนผสมที่คนไทยใส่เพิ่มไปซึ่งแตกต่างจากของจีน

 

คุณค่าอาหาร

กระเพาะปลาเป็นอาหารสุขภาพของจีนจัดอยู่ในประเภท “อาหารโป๊ว”  ที่บำรุงร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะเมือกที่หุ้มกระเพาะปลาอยู่เวลาต้มแล้วจะทำให้น้ำซุปหนืดๆ ถือว่าช่วยรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้อย่างดี กระเพาะปลา 1 ชามให้พลังงาน 150 กิโลแคลอรี

 

ส่วนผสม

กระเพาะปลาแห้ง                200    กรัม

เลือดไก่                               100    กรัม

เนื้อไก่หั่นชิ้นเล็ก                  250    กรัม

ไข่นกกระทาต้มสุก               10      ฟอง

หน่อไม้หั่น                             100    กรัม

ซอสปรุงรส ซีอิ๊ว น้ำมันหอย

แป้งมันผสมน้ำเล็กน้อย

โครงไก่ กระดูกไขสันหลังหมู รากผักชี สำหรับทำน้ำซุป

เครื่องปรุงรส พริกน้ำส้ม ซอสเปรี้ยวของจีน (จิ๊กโฉ่ว ) พริกไทย

 

วิธีทำ

ล้างกระเพาะปลาโดยแช่น้ำให้นุ่ม บีบให้แห้ง นำไปผัดกับขิงและเหล้าจีนให้พอหอมและหมดกลิ่นหืน นำไปต้มอีกครั้งบีบให้แห้ง จากนั้นทำน้ำซุปโดยต้มโครงกระดูกไก่ กระดูกหมู ด้วยไฟอ่อน จนน้ำซุปใสได้ที่ กรองน้ำซุป นำไปต้มกระเพาะปลา เนื้อไก่ หน่อไม้ เลือดไก่ ต้มจนทุกอย่างสุกนุ่ม ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊ว น้ำมันหอย ใส่แป้งมันละลายน้ำพอให้ข้นเหนียว ตักใส่ชามโรยผักชี พริกไทยป่น เติมพริกน้ำส้ม ซอสเปรี้ยวตามชอบ

 

 

ภาค กลาง

แกงเผ็ดไก่

ความเป็นมา คนไทยเริ่มใช้กะทิในการทำอาหารโดยดัดแปลงมาจากการใช้นมของพวกอาหรับที่เดินทางมาค้าขายในสมัยอยุธยา แต่เดิมคนไทยมีแต่แกงน้ำใส และมีน้ำพริกแกงที่ใช้สมุนไพรสดมาตำรวมกันเพื่อให้แกงมีรสชาติเข้มข้นขึ้น เมื่อนำเอากะทิมาใช้ผสมในน้ำแกง และใส่สมุนไพรอย่างใบโหระพาเพื่อให้มีกลิ่นสดชื่น จึงทำให้กลายเป็นแกงที่มีรสชาติกลมกล่อมน่ากิน คุณค่าทางโภชนาการ แม้แกงไก่จะใช้กะทิที่มีไขมันอิ่มตัวสูงซึ่งอาจจะมีปัญหากับคอเลสเตอรอล แต่ก็มีสมุนไพรจากพริกแกงโดยเฉพาะพริกที่มีรสเผ็ดเพราะมีสารแคปไซซินช่วยขยายช่องจมูกให้ใหญ่ขึ้น จึงช่วยขับเสมหะ และลดการอุดตันของหลอดเลือด มะเขือพวงมีแคลเซียม เหล็ก และฟอสฟอรัสสูง ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยในการย่อยอาหาร มะเขือเปราะที่มีกากใยที่ช่วยระบายท้อง ใบโหระพาที่มีเบต้าแคโรทีนสูง โหระพา 100 กรัม มีเบต้าแคโรทีนสูงถึง 452.16 ไมโครกรัม แกงเผ็ดไก่จึงไม่ได้เป็นอาหารที่มีไขมันสูงอย่างที่หลายคนกลัว ถ้าเรากินอย่างพอเหมาะ ส่วนผสม กะทิ                                         4     ถ้วย เนื้อไก่                                      300 กรัม น้ำพริกแกงแดง                          ½    ถ้วย มะเขือเปราะ                              100 กรัม มะเขือพวง                                 20   กรัม ใบโหระพา                                50   กรัม พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ                      10   กรัม น้ำปลา น้ำตาลเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำพริกแกงแดง พริกแห้ง 9 เม็ด กรีดเม็ดออกและแช่น้ำจนนุ่ม ตะไคร้ซอยบาง ¼ ถ้วย หอมแดงซอย  ¼ ถ้วย กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนชา รากผักชีหั่นฝอย 1 ช้อนชา พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา กะปิ 1 ช้อนชา ลูกผักชีคั่ว 4 ช้อนชา ยี่หร่าคั่ว 2 ช้อนชา ตำหรือปั่นทุกอย่างรวมกันจนละเอียด วิธีทำ    ผัดเครื่องแกงกับกะทิเล็กน้อยจนหอม ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้ผิวด้านนอกสุกขาว จากนั้นในกะทิลงไป เติมน้ำสะอาดเล็กน้อยต้มจนเริ่มเดือดและกะทิแตกมัน ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง และปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาล ชิมรส เมื่อต้องการเสิร์ฟให้ใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดง ตักขึ้นเสิร์ฟร้อนๆ  


เพิ่มเติม

ภาค อีสาน

ลาบทอด

  ความเป็นมา เมนูนี้เป็นเมนูดัดแปลงเพื่อเพิ่มเติมความอร่อยและความแปลกใหม่ให้กับเมนูลาบ โดยการนำเนื้อหมูมาคลุกส่วนผสมรสลาบแล้วนำไปทอด   คุณค่าทางโภชนาการ ส่วนผสมของลาบมีสรรพคุณที่หลากหลาย เช่นหอมแดง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงหัวใจผักชีฝรั่ง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ใบสะระแหน่ช่วยบำรุงสายตา คลายเครียด ต้นหอม ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด   ส่วนผสม หมูบด                     250    กรัม หอมแดงซอย           1/4     ถ้วย ผักชีซอย                   2        ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย                2        ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งซอย               2        ช้อนโต๊ะ น้ำปลา                          4        ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว                        4        ช้อนโต๊ะ พริกป่น                             2        ช้อนชา ข้าวคั่ว                                2        ช้อนโต๊ะ แป้งอเนกประสงค์               2        ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช   วิธีทำ ใส่หมูบดลงในชามผสม ใส่เครื่องปรุง น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว ต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง หอมแดง แป้งอเนกประสงค์ จากนั้นคลุกเคล้าทั้งหมดให้เข้ากัน นวดหมูให้เครื่องปรุงซึมเข้าไปในเนื้อแล้วทิ้งไว้ 5-10 นาทีใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อน ปั้นหมูเป็นก้อนกลม ลงทอดในน้ำมันจนสุกทั่วทั้งก้อน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสิร์ฟคู่กับผักสดเครื่องเคียงเช่น ใบสะระแหน่ แตงกวา ถั่วฝักยาว      


เพิ่มเติม

ภาค อีสาน

ลาบปลาช่อนทอด

  ความเป็นมา ปลาในภาคอีสานมีให้เลือกทานหลายชนิด ปลาช่อนเป็นหนึ่งในปลาที่นิยมทานกันมาก เพราะเนื้อแน่นและมีรสชาติอร่อยสามารถนำมาทำเป็นเมนูได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ย่าง ทอด แกง และลาบ   คุณค่าทางโภชนาการ ปลาช่อนมีโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ทำให้ระบบการย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนัก นอกจากนี้ปลายังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด อีกทั้งยังมีโอเมก้า3ซึ่งเป็นโครงสร้างไขมันที่สำคัญในสมองและจอประสาทตา   ส่วนผสม ปลาช่อนบั้งลำตัว ขนาด 400 กรัม           1        ตัว หอมแดงซอย                                  40      กรัม น้ำปลา                                            2        ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว                                         4        ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ                                        1        ช้อนโต๊ะ พริกป่น                                            1        ช้อนโต๊ะ ข้าวคั่ว                                             2        ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย                                     10      กรัม ผักชีฝรั่ง หั่นหยาบ                            20      กรัม ใบสะระแหน่                                     10      กรัม   วิธีทำ นำปลาช่อนไปทอดให้เหลืองกรอบ จัดวางลงจานเตรียมน้ำยำโดยการผสม น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บและพริกป่นเข้าด้วยกันคลุกเคล้า หอมแดงซอย ต้นหอมซอย  ผักชีฝรั่ง น้ำยำ และข้าวคั่วพอเข้ากันแล้วราดลงบนตัวปลาโรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ เสิร์ฟพร้อมผักเคียง    


เพิ่มเติม

close[x]
Questionnaire